HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 18/05/2563 ]
ไร้ป่วย-ตาย โควิดเป็นศูนย์รับเฟส2

      28วัน50จว.ไม่มีติดเชื้อสธ.ห่วงผ่อนปรนเฟส1หย่อนลงทุกมาตรการโลกป่วยทะลุ4.62ล้าน
          ตัวเลขเป็น 0 ครั้งที่สอง ทั้งไม่มีคนตายเพิ่ม ไม่พบผู้ป่วยใหม่ รับคลายล็อกเฟส 2 ข่าวดีอีก 50 จังหวัดปลอดโควิดในรอบ 28 วัน ศบค.ยังห่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ป่วย แสดงว่ามีคนติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการอยู่ ด้านโพลสธ.สรุปช่วงผ่อนปรนเฟส 1 มาตรการต้านโรคหย่อนลงหมด สวมหน้ากากลดลง ออกตจว.เพิ่ม อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ด้านรมต.เทวัญเร่งประสานพศ.หาแนวทางช่วยวัดคนใส่บาตรน้อย ส่วนการบินไทยส่งเครื่องบินรับกลับจากเกาหลีอีก 204 คน ยอดป่วยทั่วโลกทะลุ 4.62 ล้าน สหรัฐยังแชมป์ ตายแล้วกว่า 3 แสนราย ส่วนสิงคโปร์มากสุดในอาเซียน 26,891 คน
          ไทยเฮผู้ป่วย 0 ครั้งที่ 2
          เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า
          วันนี้ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ คือยอดเป็นศูนย์ ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,025 ราย หายป่วยแล้ว 2,855 ราย (เพิ่มขึ้น 1 ราย) ผู้ป่วยรักษาตัวเหลือเพียง 114 ราย นอกจากนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมจึงอยู่ที่ 56 ราย
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ถือเป็นยอดศูนย์เป็นวันที่สอง ซึ่งอยากให้อยู่กับเรานานๆ หรืออย่างน้อยอยากให้เป็นตัวเลขเดียว โดยเฉพาะในวันที่ 17 พ.ค. เป็นวันที่เราเปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย จากวันที่เราผ่านความทุกข์มาด้วยกัน คือวันที่ 22 มี.ค. ที่พบผู้ติดเชื้อใหม่วันเดียว 188 ราย และตลอดเวลาหลังจากนั้นประมาณเกือบ 2 เดือน ทำให้ยอดที่สูงๆ ในวันนั้นลงมาต่ำจนมาแตะที่ศูนย์อยู่ 2 ครั้ง วันนี้จึงขอบพระคุณพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ที่ได้ร่วมมือกัน เราทำคนเดียวไม่ได้ ต้องทำกันทั้งประเทศ คือ 90-100% ที่คือพลังชัยชนะของคนไทยต่อโรคร้ายที่กำลังระบาดทั่วโลก แต่เราได้ประสบความสำเร็จในตัวเลขศูนย์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเราก็ยังต้องทำต่อไป
          ส่วนการกระจายตัวของผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ ปัจจุบันจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยใน 28 วันที่ผ่านมา มี 18 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วันที่ผ่านมา มี 50 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อน มี 9 จังหวัด ซึ่งยังคงมีจำนวนเท่าเดิมอย่างเหนียวแน่น โดยจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงที่สุดยังคงเป็น กทม. ตามมาด้วยภูเก็ต และนนทบุรี
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อว่า ปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 คือ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า รวมแล้ว 229 ราย ตามมาด้วยอันดับ 2 จากศูนย์กักกัน ผู้ต้องกัก มี 65 ราย อันดับ 3 คือ การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก 48 ราย อันดับ 4 ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 40 ราย อันดับ 5 ไปสถานที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด 29 ราย และอันดับที่ 6 อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด 28 ราย
          ทั่วโลกพุ่งทะลุ 4.62 ล้าน
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกว่า วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด คือ 4,628,356 ราย (เพิ่มขึ้น 102,973 ราย) อาการหนัก 45,006 ราย หายป่วยแล้วสะสม 1,757,445 ราย (เพิ่มขึ้น 54,231 ราย) และเสียชีวิตไปแล้วกว่า 308,645 ราย (คิดเป็น 6.7% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด) สำหรับประเทศที่มีผู้เสียชีวิตวันเดียวสูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา 1,595 ราย บราซิล 963 ราย และสหราชอาณาจักร 384 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา 26,692 ราย บราซิล 17,126 ราย และรัสเซีย 10,598 ราย ทั้งนี้ ฝั่งเอเชีย อินเดียมียอดสะสม 85,784 ราย และผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียวมี 3,787 ราย ส่วนปากีสถานมียอดสะสม 38,799 ราย และผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียวมี 3,011 ราย โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 69 ของโลก สิงคโปร์อยู่อันดับที่ 27 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 793 ราย บังกลาเทศ เพิ่มขึ้น 1,202 ราย อินโดนีเซีย 490 ราย ญี่ปุ่น 83 ราย ฟิลิปปินส์ 215 ราย เกาหลีใต้ 19 ราย ส่วนอันดับกลุ่มอาเซียนและเอเชีย อันดับหนึ่งคือ อินเดีย ตามด้วยปากีสถาน สิงคโปร์ บังกลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และไทย
          ประเด็นที่น่าสนใจ คือ กาตาร์ประกาศกำหนดให้การสวมหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อออกจากบ้าน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด โดยมีข้อยกเว้นให้เฉพาะผู้ที่ขับขี่รถยนต์เพียงลำพัง มาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค.นี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด 200,000 ริยัล หรือประมาณ 1.76 ล้านบาท สืบเนื่องมาจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 1,733 ราย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ทุบสถิติรายวันสูงสุดตั้งแต่มีการเริ่มระบาดในประเทศ
          นั่งบินเกาหลีให้สวมแมสก์
          ขณะที่เกาหลีใต้ สายการบินโคเรียนแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ กำหนดให้ผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างบินภายในประเทศ ซึ่งเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า และกำลังพิจารณาออกระเบียบเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย ในเส้นทางการบินระหว่างประเทศด้วย สำหรับเมื่อวันที่ 15 พ.ค. เกาหลีใต้ได้รายงานยอดผู้ติดเชื้อจากผับย่านอิแทวอนที่ล่าสุดพบเพิ่ม 9 ราย รวมทั้งหมดเป็น 161 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมในเกาหลีใต้รวม 11,037 ราย โดยทางกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ได้สอบสวนโรคผู้ต้องสงสัยแบบไม่ระบุตัวตนกว่า 46,000 ราย โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อ 5 ราย ที่ติดเชื้อจากการไปเที่ยวคาราโอเกะในย่านฮงแด ทางตะวันตกของกรุงโซล ที่ผู้ติดเชื้อจากเคสอิแทวอนไปเที่ยวมา
          รับ 204 คนจากเกาหลีใต้
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงการนำคนไทยกลับมาจากต่างประเทศว่า วันที่ 16 พ.ค. เวลา 01.00 น. จากสหรัฐอเมริกา (ผ่านเกาหลีใต้) 204 คน เวลา 21.45 น. จากสหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ 187 คน วันที่ 17 พ.ค. มี 3 เที่ยวบิน คือ มัลดีฟส์ 150 คน แคนาดา (ผ่านญี่ปุ่น) 80 คน และอินเดีย (มุมไบ) 80 คน วันที่ 18 พ.ค. มี 2 เที่ยวบิน คือ สหราชอาณาจักร (ลอนดอน) และสิงคโปร์ วันที่ 19 พ.ค. มี 5 เที่ยวบิน คือ สหรัฐอเมริกา (ผ่านเกาหลีใต้) จีน (เซี่ยงไฮ้) ญี่ปุ่น (โตเกียว) ฝรั่งเศส (ปารีส) และเนเธอร์แลนด์ (อัมสเตอร์ดัม) วันที่ 20 พ.ค. มี 3 เที่ยวบิน คือ รัสเซีย (มอสโก) อาร์เจนตินา (ผ่านบราซิลและเนเธอร์แลนด์) และอินเดีย (กัลกัตตา) วันที่ 21 พ.ค. มี 3 เที่ยวบิน คือ จีน (กว่างโจว) ออสเตรเลีย (ซิดนีย์) และเวียดนาม (ฮานอย) วันที่ 22 พ.ค. มี 3 เที่ยวบิน คือ สหรัฐอเมริกา (ผ่านเกาหลีใต้) เกาหลีใต้ (โซล) และกาตาร์ (โดฮา) ส่วนวันที่ 23 พ.ค. มี 3 เที่ยวบิน คือ เยอรมนี (แฟรงก์เฟิร์ต) อินโดนีเซีย (จาการ์ตา) และบังกลาเทศ (ธากา)
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงการเดินทางกลับผ่านทางชายแดนว่า เราก็ยังมีภาระของคนที่จะกลับเข้ามาอยู่ คือ จากเมียนมา 14 คน มาเลเซีย 273 คน สปป.ลาว 15 คน และกัมพูชา 6 คน ทุกคนอยากกลับมาทางประเทศไทย เราพี่น้องคนไทยทั้งสิ้น ขอให้ทุกๆ ท่านช่วยกันดูแลพวกเขาด้วย โดยปัจจุบันมียอดผู้เข้ากักกันสะสมรวม 19,428 คน ยังต้องกักตัวอยู่ 9,527 คน กลับบ้านแล้ว 9,901 คน มีติดเชื้อที่ต้องอยู่โรงพยาบาลสะสม 97 คน
          ด้านนาวาอากาศตรีอนิรุต แสงฤทธิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการบิน ในฐานะหัวหน้าศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการ (THAI Operations Control Center : TOCC) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทให้ความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศของไทย ปฏิบัติภารกิจรับคนไทยจากสาธารณรัฐเกาหลีกลับประเทศไทย โดยให้ความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศของไทย จัดเที่ยวบินพิเศษในวันที่ 15 พ.ค. เส้นทางโซล-กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ทีจี 655 ออกจากโซล เวลา 21.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ เวลา 00.46 น. ของวันที่ 16 พ.ค.2563 รับผู้โดยสารชาวไทยที่ตกค้างในเกาหลี จากสถานการณ์โรคโควิด-19 จำนวน 204 คน ในจำนวนนี้มีผู้โดยสารชาวไทยบางส่วนเดินทางมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อต่อเที่ยวบินกลับประเทศไทย
          นาวาอากาศตรีอนิรุตกล่าวต่อว่า การบิน ไทยให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยในสุขภาพของผู้โดยสารและพนักงานที่ปฏิบัติงานในการให้บริการผู้โดยสารเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 (Transmission Risk) บริษัทจึงได้ออกแบบกระบวนการทำงานในการให้บริการผู้โดยสาร ด้วยการเว้นระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนเช็กอิน การตรวจรับบัตรโดยสาร รวมทั้งการบริการอาหารบนเครื่องบินในรูปแบบอาหารกล่อง (Disposal Box) เพื่อลดการสัมผัสระหว่างบุคคล ไปจนถึงขั้นตอนลงจากเครื่องบิน (Disembarking) แบบเว้นระยะห่างเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดขณะนำผู้โดยสารลงจากเครื่องบิน พร้อมกันนี้บริษัทได้เน้นย้ำให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดขณะปฏิบัติหน้าที่บนเที่ยวบิน อาทิ สวมชุดป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือ รวมทั้งคอยสังเกตอาการผู้โดยสารในระหว่างเที่ยวบิน
          ทั้งนี้ บริษัทมีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลาสำหรับการปฏิบัติภารกิจรับคนไทยกลับบ้านในช่วงเวลานี้ ซึ่งนับเป็นภารกิจหลักในฐานะสายการบินแห่งชาติในทุกภาวะวิกฤต ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของการบินไทยมาตลอดระยะเวลา 60 ปี
          ภูเก็ตไม่พบป่วยเพิ่ม
          ขณะที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ตรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-15 พ.ค. 2563 จังหวัดภูเก็ตมีผู้ติดเชื้อยืนยันโรคโควิด-19 แล้วจำนวน 224 ราย (ไม่พบรายใหม่) โดยได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน 202 ราย (กลับบ้านเพิ่ม 6 ราย) ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รักษาพยาบาลอยู่ 18 ราย ทุกรายอาการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยผู้มีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 6,181 ราย กลับบ้านแล้ว 6,110 ราย
          เร่งช่วยวัดคนใส่บาตรน้อย
          ที่วัดศรีษะละเลิง ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานทำพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านใหม่ โดยมีนายสิรกิจ วาปีธรรม ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี ทต.บ้านใหม่พร้อมผู้นำชุมชนและประชาชนกว่า 300 คน รอให้การต้อนรับกัน โดยนายเทวัญได้มอบเงินให้กับผู้ประสบเหตุอัคคีภัยจำนวน 4 ราย เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นได้มอบถุงยังชีพจำนวน 300 ชุดให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรค โควิด-19
          นายเทวัญกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับวัดกว่า 4 หมื่นแห่งและพระสงฆ์จำนวน 2.6 แสนรูป ทั้งประชาชนและพระสงฆ์ต้องการลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ ทำให้มีตักบาตร การเข้าวัดทำบุญ บำรุงค่าน้ำค่าไฟฟ้าน้อยลง วันสำคัญทางพุทธศาสนาก็งดจัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ได้ประสานมาเพื่อให้เป็นวาระการพิจารณา หาทางช่วยเหลือบางวัดที่กำลังประสบปัญหา คาดจะมีข้อสรุปในเร็วๆ นี้
          สรุปปลดล็อกเฟส 1 การ์ดตกลง
          ด้านสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานสถิติแห่งชาติ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้สำรวจการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน ระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค.2563 จากผู้ตอบแบบสอบถาม 19,378 คน ผ่าน https://thaifightcovid19.com/ แบ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 73 ชายร้อยละ 26 อายุเฉลี่ย 48 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ร้อยละ 86 อาชีพข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 27 พนักงานลูกจ้างเอกชน ร้อยละ 24 และประกอบธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย อาชีพอิสระอีกร้อยละ 19 จากนี้นำผลที่ได้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้มากขึ้น
          ผลสรุปการสำรวจพบว่า ในช่วงมาตรการผ่อนปรนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 48 มีรายได้ลดลง และอีกร้อยละ 53 มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น โดยพบว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้นของประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 88 มาจากค่าอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย เฟซชีลด์ รองลงมา ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ร้อยละ 76 และค่าอาหาร ร้อยละ 56
          เดินทางไปตจว.เพิ่ม
          ส่วนภาพรวมการเดินทางออกนอกจังหวัดในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบประชาชน ร้อยละ 26 เดินทางออกนอกจังหวัด เพราะจำเป็นต้องไปทำงาน ร้อยละ 61 และไปธุระจำเป็น เช่น ติดต่อหน่วยงานราชการ ร้อยละ 21 และไปเยี่ยมครอบครัว ญาติ เพื่อนฝูง ร้อยละ 21 นอกจากนี้ยังพบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชน ร้อยละ 11 ไปร่วมการรวมกลุ่มกิจกรรมทางสังคม เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานสังสรรค์ งานประชุม และการเรียนการสอนต่อหน้า
          สำหรับพฤติกรรมการป้องกันตนเองพบว่าลดลงในทุกพฤติกรรม เมื่อเทียบกับข้อมูลก่อนการผ่อนปรนมาตรการสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเม.ย. โดยพฤติกรรมป้องกันโดยรวมจากร้อยละ 77.6 ลดลงเหลือร้อยละ 72.5 สวมหน้ากากทุกครั้ง ร้อยละ 91.2 ลดลงเหลือร้อยละ 91 ล้างมือทุกครั้ง จากร้อยละ 87.2 ลดเหลือร้อยละ 83.4 กินร้อน ช้อนกลางตนเอง ร้อยละ 86.1 ลดเหลือร้อยละ 82.3 ระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่นในระยะน้อยกว่า 2 เมตร จากร้อยละ 65.3 เหลือร้อยละ 60.7 และไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก จากร้อยละ 62.9 เหลือร้อยละ 52.9
          ขณะเดียวกันเมื่อสอบถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลไทยในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 พบว่าร้อยละ 65 เชื่อมั่น ขณะที่ร้อยละ 21 ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ และร้อยละ 14 ไม่เชื่อมั่น
          สหรัฐป่วยเพิ่มอีกกว่า 2.6 หมื่น
          ด้านเอเอฟพี และเวิลด์โอมิเตอร์ส เว็บไซต์รวบรวมสถิติแบบเรียลไทม์ในสหรัฐอเมริกา รายงานความคืบหน้าสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่ายอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 4,629,407 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 308,676 ราย และรักษาหายแล้ว 1,761,062 คน
          สหรัฐเมริกายังมีผู้ป่วยสะสมและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 1,484,285 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จำนวน 26,692 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 1,595 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 88,507 ราย สเปนพบ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,721 คน รวมผู้ป่วยสะสม 274,367 คน เสียชีวิต 27,459 ราย ขณะที่รัสเซียมีผู้ป่วยใหม่รายวัน 10,598 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 262,843 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2,418 ราย สหราชอาณาจักรมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 236,711 คน เป็นผู้ป่วยใหม่ 3,560 คน ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 33,998 ราย อิตาลีมี ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 789 คน รวมผู้ป่วยสะสมที่ 223,885 คน เสียชีวิตแล้ว 31,610 ราย บราซิลติดเชื้อเพิ่มถึง 15,305 คน ยอด ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 220,291 คน เสียชีวิตแล้ว 14,962 ราย ฝรั่งเศสมียอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 179,506 คน เสียชีวิตแล้ว 27,529 ราย เยอรมนีมีผู้ป่วยใหม่ 724 คน ยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นที่ 175,699 คน รวมยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 8,001 ราย ตุรกีมีผู้ป่วยใหม่ 1,708 คน ยอดรวมเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 146,457 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 4,055 ราย และอิหร่านมีผู้ป่วยใหม่รายวัน 2,102 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 116,635 คน เสียชีวิตแล้ว 6,902 ราย
          สิงคโปร์ยังแชมป์อาเซียน
          สำหรับความคืบหน้าในอาเซียน ประเทศที่ยังวิกฤต ได้แก่ สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาค กับยอดผู้ติดเชื้อสะสม 26,891 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 793 คน เสียชีวิตคงที่ 21 ราย รองลงมาอินโดนีเซีย มีผู้ป่วยสะสม 16,496 คน ผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 490 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 33 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,076 ราย ฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยเพิ่มเป็น 12,091 คน ในจำนวนนี้เป็น ผู้ป่วยใหม่ 215 คน เสียชีวิตแล้ว 806 ราย และมาเลเซียป่วยสะสม 6,855 คน เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 112 ราย


pageview  1205144    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved