ใครๆ ก็รู้ว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือน มี.ค-มิ.ย. ของทุกปี อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้น จนเรียกได้ว่าร้อนได้โล่กันเลยทีเดียว แต่คร้านจะเปลี่ยนฟ้าฝนให้เป็นอย่างใจเห็นทีคงยาก คนโบราณเค้าจึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ สรรหาวิธีคลายร้อนรูปแบบต่างๆ ทั้ง ทาน ทำ และทา เอาไว้รับมือกับอากาศร้อนของบ้านเราได้อย่างชิวๆ ลองไปดูซิว่าภูมิปัญญาไทยเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง
          1. "การทาน" คนไทยเรากินอาหารเป็นมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็น 'ยาเย็น' อย่าง มะตูม กระเจี๊ยบ และฝาง ถือเป็นสมุนไพรยอดฮิตที่ถูกนำมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับอุณหภูมิในร่างกาย นอกเหนือจากนี้การกินอาหารที่มีรสหวานเย็นอย่าง "ข้าวแช่" ก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีอีกทางหนึ่งสำหรับหน้าร้อน ด้วยวิธีการปรุงที่พิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่ "น้ำข้าวแช่" ที่ได้จากการลอยดอกไม้หอม เช่น มะลิ ชมนาด กระดังงา กุหลาบมอญ ใส่ในคนโทดินเผาแบบมอญเพื่อให้น้ำเย็น เวลากินต้องกิน "กับข้าวแช่" ก่อน จากนั้น จึงตามด้วย "ข้าว" ซึ่งสามารถกินคู่กับผักสดอย่าง กระชาย แตงกวา มะม่วงดิบ หรือต้นหอมก็ได้ เมื่อซด "น้ำข้าวแช่" ตามเข้าไปด้วย รับรองว่าจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น คลายร้อนได้ทันใจจริงๆ
          2. "การทา" การทาที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงการนำน้ำแข็งมาลูบๆ ถูๆ เหมือนที่เราเห็นในหนังดังหรอกนะคะ แต่เป็นการนำน้ำอบหรือน้ำปรุง ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยหลายขนิด ไม่ว่าจะเป็น ใบเนียมอ้ม เปลือกมะกรูด กำยาน ชูลูด มาประพรมหรือชโลมให้ทั่วร่างกาย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้รู้สึกเย็นขึ้นแถมยังมีกลิ่นหอมชื่นใจอีกต่างหาก (แอบกระซิบให้สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะหาซื้อสมุนไพรเหล่านี้ได้ที่ไหน ลองใช้แป้งเย็นผสมน้ำแทนก็ได้ รับรองเย็นถึงใจไม่แพ้กัน)
          3. "ลงมือทำ" นอกจากการทำกายให้เย็นแล้ว สภาพแวดล้อมรอบบ้านก็มีส่วนช่วยลดหรือเพิ่มอุณหภูมิได้เช่นกัน จึงเป็นเรื่องดีหากทุกบ้านมีต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้ซักต้นหนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นไม้ราคาแพงหรือเป็นพันธุ์สวยงามแต่อย่างใดเพราะไม้ไทยๆ อย่าง มะขาม จำปี หรือมะม่วง ก็จัดเป็นไม้ที่มีใบดกหนา ช่วยให้ร่มเงา และบังแสงแดดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าภายนอกจะร้อนอบอ้าวเพียงใด ขอแค่ในบ้านเย็นและร่มรื่น สภาพอากาศก็คงไม่ใช่ปัญหาของคนไทยอีกต่อไป
          เรียกได้ว่าเป็น 3 เทคนิคแบบไทยๆ ที่ทำได้ด้วยการ ทาน ทา และทำ ที่ไม่เพียงแต่ง่าย และคลายร้อนได้จริง แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย