บีบีซีเผยแพร่รายงานผลการวิจัยชิ้นใหม่เกี่ยวกับช็อกโกแลต เมื่อเร็วๆ นี้ระบุว่า ช็อกโกแลตที่ผู้หญิงหลายคนชอบ แต่กลัวที่จะรับประทานเพราะทำให้อ้วนนั้น ทว่าผลการวิจัยครั้งนี้พบว่าหากเรารับประทานช็อกโกแลตในปริมาณที่พอเหมาะเป็นประจำ ก็อาจช่วยทำให้เราผอมได้ เนื่องจากช็อกโกแลตที่แม้จะให้พลังงานสูง แต่ยังมีสารประกอบบางอย่างที่อาจช่วยทำให้น้ำหนักตัวของเราลดลงได้ มากกว่าที่จะทำให้ร่างกายของเราแปลงเป็นไขมันได้แต่เพียงอย่างเดียว
          ผลการวิจัยนี้ที่มีดอกเตอร์ บีทริซ โกลอมบ์ นักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำเขียนรายงาน ได้ศึกษาจากชาวอเมริกันจำนวนเกือบ 1,000 คน โดยศึกษาจากปัจจัยการควบคุมอาหาร ปริมาณแคลอรีหรือพลังงานที่รับเข้าสู่ร่างกาย และดัชนีมวลกาย (บีเอ็มไอ) ที่เป็นมาตรวัดความอ้วน พบว่ากลุ่มคนที่รับประทานช็อกโกแลตเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะมีรูปร่างที่ผอมเพรียวกว่ากลุ่มคนที่รับประทานช็อกโกแลตเป็นบางครั้งคราว การศึกษายังพบอีกว่าการรับประทานช็อกโกแลตเป็นประจำยังมีผลเกี่ยวพันกับดัชนีบีเอ็มไอที่ลดต่ำลงด้วย และแม้ว่าจะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การออกกำลังกาย แต่การศึกษาก็ยังพบว่าการรับประทานช็อกโกแลตเป็นประจำก็ยังมีผลเกี่ยวเนื่องที่ สำคัญ
          โดยดอกเตอร์โกลอมบ์และทีมนักวิจัย
          เชื่อว่าช็อกโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า "เคทชิน" สามารถช่วยปรับมวลกล้ามเนื้อให้เล็กลงและช่วยลดน้ำ หนักตัวลงได้
          ก่อนหน้านี้มีราย งานผลการวิจัยหลายชิ้นที่บ่งชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของช็อกโกแลตที่มีต่อสุขภาพของคนเรา เช่น การรับประทานช็อกโกแลตอย่างพอเหมาะมีส่วนช่วยปรับความดันเลือดในร่างกาย การตอบสนองต่ออินซูลินและระดับคอเลสเตอรอลให้ดีขึ้น โดยเฉพาะดาร์คช็อกโกแลตที่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยจัดการกับเคมีที่สามารถทำลายเซลล์ในร่างกายของเราได้
          อย่างไรก็ดี นักวิจัยเตือนว่ายังมีคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับช็อกโกแลต จึงจำเป็นต้องมีการให้คำแนะนำอย่างระมัดระวัง