HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 19/03/2555 ]
เรียกสอบซ้ำ'ผอ.รพ.'แฉลอบขนยาแก้หวัดจนท.เอี่ยวไม่ต่ำ5คน

'วิทยา'ประสาน'ดีเอสไอ'ตรวจสอบรายชื่อ รพ.สังกัด สธ.พัวพันเครือข่ายยาเสพติด ลั่นนิ้วไหนร้ายพร้อมตัดทิ้ง
          จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ออกมาเปิดเผยความเชื่อมโยงการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาล (รพ.) หลายแห่ง เพื่อนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด โดยเบื้องต้นพบว่ามีรพ.ทั้งของรัฐและเอกชน คลินิก และร้านขายยารวมประมาณ 30 แห่ง ที่อาจจะพัวพันกับการส่งยาซูโดฯให้เครือข่ายผลิตยาเสพติดนั้น
          เมื่อวันที่ 18 มีนาคม นายวิทยา บุรณศิริรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า มี รพ.กี่แห่งที่อยู่ในสังกัด สธ. คาดว่าจะทราบผลภายในสัปดาห์หน้า ส่วนกรณีของ รพ.เอกชนนั้น คงยังพูดอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ หากพูดไปว่ามีกี่แห่ง เกี่ยวข้องอย่างไร
          อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงต้องรอบคอบอย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ปลัด สธ.แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ได้กวดขันเรื่องนี้ รวมทั้งในจังหวัดที่มีปัญหาให้เร่งดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำความผิด นิ้วร้ายต้องตัดทิ้ง ไม่ควร
          เก็บไว้
          ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการตรวจสอบกลายเป็นว่า โรงพยาบาลสังกัด สธ.มีความเกี่ยวพันกับเครือข่ายผลิตยาเสพติด จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ด้านสาธารณสุขหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่าก็ต้องยอมรับ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่สามารถรับทราบปัญหา และจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น กรณีโรงพยาบาลใดมีตัวเลขใช้ยาชนิดนี้พุ่งสูง ก็จะนำไปสู่การตรวจสอบต่างๆ จึงเรียกได้ว่าเดินมาถูกทางในการสกัดการผลิตยาเสพติดได้อีกทางหนึ่ง
          นายวิทยากล่าวด้วยว่า สธ.ยังได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ประสานในเรื่องการติดตามคณะกรรมการกฤษฎีกาในการตีความกรณีการยกระดับการควบคุมยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน จากเดิมกำหนดเป็นยาควบคุมพิเศษ ให้เป็นกลุ่มยาออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ซึ่งจะทำให้การควบคุมเข้มงวดขึ้น โดยห้ามนำเข้าเด็ดขาด มีเพียง อย.นำเข้าได้เท่านั้น และการใช้ก็จะต้องทำบัญชีเบิกจ่ายให้ใคร อย่างไรด้วย
          ส่วนความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดี"ยาแอคติเฟด" ยาแก้หวัดของ รพ.อำเภอกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ (ซึ่งมีส่วนผสมของสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด) หายออกจากคลังเก็บยา จำนวน356,535 เม็ดนั้น ในวันเดียวกันนี้ ที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) กมลาไสย พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัยผกก.สภ.กมลาไสย พ.ต.ท.สมทรง พลเดช รองผกก.สภ.กมลาไสย พร้อมชุดคลี่คลายคดี ได้ประชุมสรุปผลการสืบสวนสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นทางตำรวจพบว่า มีเภสัชกรและเจ้าหน้าที่ห้องยาพัวพันไม่ต่ำกว่า 5 คน ทั้งยังพบหลักฐานการตกแต่งบัญชียาเพื่อลักลอบนำออกไป โดยที่ประชุมได้จัดทำแผนผังช่องทางการลักลอบนำยาออกจาก รพ.ไปจนถึงเครือข่ายรับซื้อ
          พ.ต.อ.วิเชียร ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีกล่าวว่า คาดว่าในอีก 3 วัน สำนวนการสอบสวนจะเสร็จเรียบร้อย และจะส่งเรื่องให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)เพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่เภสัชและผู้เกี่ยวข้อง เพราะคดียาที่มีส่วนผสมของสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดหายออกจาก รพ.ต่างๆ นั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการให้แนวทางการสืบสวนสอบสวนเป็นไปในทิศทางเดียวกันเนื่องจากเชื่อได้ว่าปลายทางที่รับซื้อเกี่ยวพันกับยาเสพติด นอกจากนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนั้น จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ในการดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปลอมแปลงเอกสาร และกระทำทุจริตในหน้าที่
          "สิ่งที่ต้องทำการสอบสวนใหญ่ก็คือต้นทางหมายถึงการจัดซื้อยาที่พบพิรุธตั้งแต่ปี 2553-2554 ตัวเลขการสั่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในปี 2554 เพียงปีเดียว รพ.กมลาไสย ได้สั่งยาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว ดังนั้น จึงต้องทำการสอบถามผู้อำนวยการ รพ.กมลาไสยใหม่อีกครั้งว่า เพราะอะไรถึงได้มีการสั่งยามามากขนาดนี้ ส่วนด้านการตกแต่งบัญชีก็มีหลักฐานมัดอย่างชัดเจน แต่ผู้ต้องสงสัยเริ่มที่จะปฏิเสธ ไม่เหมือนกับการให้การในครั้งแรกกับตำรวจที่สารภาพทุกอย่าง" พ.ต.อ.วิเชียรกล่าว
          ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ซึ่งเดินทางไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวที่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาการลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนออกจาก รพ.ในหลายจังหวัดว่าเรื่องนี้ทางรัฐบาล โดยรัฐมนตรีว่าการ สธ.รับรู้รับทราบและกำลังแก้ไข ซึ่งเราปราบปรามกันแทบตาย แต่ต้นทางกลับมาจาก รพ. ทำให้ตนและ ส.ส.ทุกคนเสียใจ และไม่คาดคิด ดังนั้น การแก้ปัญหานี้ต้องเด็ดขาด ใครมีส่วนเกี่ยวข้องต้องจับให้หมด ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และจะเอาผิดกับผู้อำนวยการ รพ. เภสัชกรและผู้เกี่ยวข้องที่ปล่อยให้ยาหายออกไปจาก รพ.ด้วย ทั้งนี้ ตนได้กำชับไปยัง บช.ปส. และดีเอสไอเข้าทำคดีเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว
          เวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ร.ต.อ.เฉลิมได้เดินทางมามอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดประจำปี 2555 โดยมีนายวีระวัฒน์ ชื่นวารินผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นำหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด นายอำเภอ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุกอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดถึงมวลชนพลังแผ่นดินของ จ.มหาสารคาม รวมประมาณ 5,000 คน เข้ารับฟังนโยบายและปฏิญาณตนว่าจะร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของชาติให้หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย
          ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว มีผลการปราบปรามในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมยาบ้าได้มากถึง 28 ล้านเม็ด และรัฐบาลกำลังจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดในระยะที่ 2 โดยมี 6 ยุทธการ คือ 1.ความร่วมมือระหว่างประเทศ ภูมิภาคสองฝั่งโขง 2.ปิดกั้นยาเสพติดตามพื้นที่ชายแดน 3.ปราบปรามตัดวงจรการค้ายาในทุกระดับ 4.จัดระเบียบแหล่งมั่วสุมในพื้นที่เขตเมือง 5.ชุมชนเอาชนะยาเสพติด และ 6.ยุทธการบำบัดเยียวยาลูกหลานคืนสู่สังคม
          วันเดียวกัน ที่ จ.ลำปาง พ.ต.อ.สุเทพ ชุติมาปัญญา ผกก.สภ.แม่พริก เปิดเผยว่า ทางตำรวจภูธรภาค 5 ยังคงสั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลำปางทั้ง 13 อำเภอ สนธิกำลังผลัดเปลี่ยนเวรกันตรึงกำลังโดยรอบพื้นที่ป่าละเมาะตั้งแต่หมู่บ้านเกาะหัวช้าง ต.แม่พริก อ.แม่พริก ไปจนถึงป่าละเมาะเขตบ้านพระบาท ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก ระยะทางยาวกว่า 6 กิโลเมตรซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่ผู้ต้องหา 3 คน ในคดียาบ้า 2 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา หลบหนีเข้าไป โดยขณะนี้เข้าสู่วันที่ 4 แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ยังคงจัดกำลังไล่ล่าอย่างไม่ลดละ
          พ.ต.อ.สุเทพกล่าวว่า ทาง สภ.แม่พริก ได้นำภาพหน้าตรงของนายรัตนชัย ลีมาทรัพย์ อายุ 21 ปี ชาวเขาเผ่าม้ง อยู่บ้านเลขที่ 8/2 หมู่ 9 ต.ปออ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าดังกล่าว โดยเป็นเจ้าของรถปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ แค็บ สีบรอนซ์เงินหมายเลขทะเบียน 4847 เชียงราย ที่ขนยาบ้าและเป็นเจ้าของยาบ้าทั้งหมด 2 ล้านเม็ด ออกแจกจ่ายให้กับชาวบ้านโดยรอบป่า ให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านเพิ่มเติมอีกกว่า 300 ใบ เพื่อให้ชาวบ้านช่วยสอดส่องบุคคลต้องสงสัยที่เดินออกมาจากป่า หรือเดินตามถนนภายในหมู่บ้าน โดยขอให้แจ้งเบาะแสเจ้าหน้าที่ทางหมายเลข 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
          "แม้สภาพอากาศในพื้นที่ อ.แม่พริก ซึ่งเป็นอำเภอใต้สุดของ จ.ลำปาง ติดกับ จ.ตาก จะมีความร้อนอบอ้าวอย่างมาก แต่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นาย ก็ยังตรึงกำลังโดยรอบพื้นที่ป่าละเมาะทุกด้าน รวมทั้งจัดกำลังไล่ล่าอย่างไม่ลดละ พร้อมออกหาข่าวกับชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา ส่วนการใช้ร่มบินออกตรวจสอบทางอากาศนั้น ยังมีอุปสรรคลมแรงอย่างมาก จึงยังเน้นการจัดชุดเฉพาะกิจออกเดินเท้าไล่ล่าเหมือนเดิม" พ.ต.อ.สุเทพกล่าว


pageview  1204960    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved