เมื่อวันที่ 13 มีนาคม นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยระหว่างเป็นประธานเปิดการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ อ.เมืองจ.กาญจนบุรี จำนวน 2,500 คน เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดูแลประชาชนในภาวะวิกฤตฉุกเฉินว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขสำหรับรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติ และภัยจากโรคติดต่อระบาดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายและลดความรุนแรงที่อาจเกิดตามมา
          "จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่ที่มีรอยเลื่อนอยู่ในตอนบนของจังหวัดและมีเขื่อนมากถึง 4 แห่ง และมีความเสี่ยงเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ โดยเฉพาะจากภัยแผ่นดินไหวจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ทุกระดับให้พร้อมในการช่วยเหลือดูแลประชาชน ทั้งนี้ สธ.มีนโยบายให้สถานพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศ ฝึกซ้อมการดูแลช่วยเหลือประชาชนให้เกิดความคล่องตัวและสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งการตั้งรับในโรงพยาบาล และการจัดทีมแพทย์เชิงรุกหรือโรงพยาบาลสนามเข้าไปดูแลประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย โดยให้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ขณะเดียวกันได้จัดหลักสูตรอบรม อสม.ที่มีประมาณ 1 ล้านคน ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ให้มีความรู้ในการจัดการสุขภาพในภาวะวิกฤต สามารถดูแลช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้นได้เช่นกัน" นพ.สุรวิทย์กล่าว และว่า สำหรับอสม.นั้น สธ.ได้พัฒนาชุดดูแลสุขภาพประชาชนภาคสนามในภาวะวิกฤตตามแนวทางขององค์การอนามัยโลกให้ 1ชุด เพื่อให้ อสม.ใช้ปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน บรรเทาความรุนแรงการเจ็บป่วยในเบื้องต้นได้ทันที  เช่น ปรอทวัดไข้ชุดทำแผลปลอดเชื้อ ถุงมือยาง สายยางห้ามเลือด ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูกแอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผล น้ำยาใส่แผลสด เป็นต้น
          ทางด้าน นพ.อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.)กาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ อสม.ผ่านการอบรมไปแล้ว 12,800 คน จากทั้งหมดที่มี13,850 คน หลังจากปลายเดือนมีนาคมนี้อสม.ทั้งหมดจะร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ จัดทำแผนเตรียมความพร้อมหากเกิดภัยพิบัติขึ้น เช่น เตรียมอาหาร ยาจำเป็นเบื้องต้น การสำรวจกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลช่วยเหลือพิเศษ 6 กลุ่มได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้พิการทุกชนิด ผู้ป่วยเรื้อรังที่นอนอยู่บ้าน เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องพบแพทย์กินยาต่อเนื่อง