เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายวิจารณ์สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.)กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือพบว่า ช่วงวันที่ 16-19 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา คุณภาพอากาศในภาคเหนือมีปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมีปริมาณเฉลี่ยเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มก./ลบ.ม.) ในหลายจังหวัด ได้แก่ ลำพูน ลำปาง แพร่พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่ อ.แม่เมาะ และ อ.เมืองลำปาง มีค่าเฉลี่ยสูงสุดในช่วง 24 ชั่วโมง 235 มก./ลบ.ม.สาเหตุสำคัญคือ การเผาป่าเพื่อหาเห็ดเผาะและเก็บผักหวาน เพราะหากไม่เผาป่าผักหวานจะไม่แตกยอด ส่วนเห็ดเผาะหากมีต้นไม้และหญ้าขึ้นคลุมผิวดินมากๆ จะไม่ขึ้นเช่นกัน
"พื้นที่พบไฟป่ามี 3 พื้นที่ คือ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและพื้นที่เกษตรกรรมที่มีชุมชน นอกจากนี้ ก็เป็นการเผาเศษวัสดุในไร่นา เช่น ซังข้าวโพดเพื่อเตรียมเพาะปลูกคราวต่อไป แต่จากการตรวจวัดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พบว่าหลายพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว ยกเว้นที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ยังเกินค่ามาตรฐานเล็กน้อย ส่วนที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ก็เหลือเพียง 70-75 มก.ลบ.ม.เท่านั้น" นายวิจารณ์กล่าว
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ล่าสุดสถานการณ์หมอกควันส่วนใหญ่ดีขึ้น ปริมาณฝุ่นละอองควันไฟลดลง ยังเหลือ 2 จังหวัดที่ยังสูงเกินมาตรฐาน คือ จ.ลำพูน วัดได้ 132 มก./ลบ.ม. และ จ.เชียงราย ปริมาณ 136.5 มก.ลบ.ม. จึงสั่งกำชับให้แพทย์พยาบาลในสถานพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่หมอกควันดูแลผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ เป็นต้น