ไม่รู้จะโทษลมฟ้าอากาศ เศรษฐกิจฝืดเคือง หรือเหตุบ้านการเมืองดี ที่เป็นสาเหตุให้คนไทยมีภาวะอารมณ์แปรปรวน คุ้มดีคุ้มร้าย บางวันแสนดีใจหาย บางวันก็ซึมเศร้าเคล้าอาละวาด ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
          ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ เตือนว่า ปัจจุบันสังคมไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคไบโพลาร์(Bipolar) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า โรคอารมณ์สองขั้ว หรือเป็นคนสองบุคลิก หากปล่อยไว้จะเป็นคนก้าวร้าวสูง ชอบด่าว่าคนอื่นตลอดเวลา
          อารมณ์ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจะมี 2 รูปแบบ แบบแรกจะมีอาการซึมเศร้า อยากนอนทั้งวัน เบื่อสังคม มีภาวะอยากตาย อีกแบบหนึ่งมีลักษณะคึกคัก ขยันทำงานไม่หยุด บ้าพลัง พลุ่งพล่าน ชอบสั่งคนโน้นคนนี้ หรือที่เรียกว่า แมเนีย(Mania)
          คนที่เป็นแมเนียนี้จะชอบคุมคนอื่น มั่นใจในตัวเองสูง ใครพูดอะไร เตือนอะไรก็ไม่ฟัง อาการเช่นนี้จะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตตกต่ำ ทำงานแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
          ทั้งนี้ ใครที่เป็นไบโพลาร์ในภาวะแมเนียจะใจใหญ่จ่ายให้หมด ใครอยากได้อะไรก็จะให้ ใช้ชีวิตเกินตัว ถ้าได้ช็อปปิ้งก็จะช็อปปิ้งแบบทุ่มสุดตัว แต่เมื่อภาวะแมเนียหยุด จะเปลี่ยนเป็นขี้เบื่อ ซึมเศร้า ไม่อยากทำอะไรวนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ โดยสาเหตุโรคนี้อาจมาจากกรรมพันธุ์ หรือสารเคมีในสมองผิดปกติ
          สังเกตตัวเองง่ายๆ จากการใช้ชีวิตประจำวัน บางคนทานอาหารไปก็นั่งทำงานไป ไม่มีช่วงพัก กินอาหารในห้องประชุม จัดเวลาพักให้ชีวิตไม่เป็น ดีหน่อยที่โรคนี้จะไม่ทำร้ายคนอื่นทางร่างกาย แต่จะถากถางเย้ยหยัน คนอื่นด้วยคำพูด คนกลุ่มนี้จะอยู่กับใครไม่ค่อยได้ ทำให้ที่นั้นหมดสนุกไปเลย
          ปัจจุบันยังไม่มีการตรวจพิเศษเพื่อวินิจฉัยโรคนี้ หลักๆ จะเป็นการซักอาการ ความเจ็บป่วยทางจิตในญาติ โรคประจำตัว การใช้ยาและสารต่างๆ เพราะยาบางขนาน หรือโรคบางอย่างมีผลข้างเคียงเหมือนกับโรคอารมณ์สองขั้ว
          โอกาสป่วยโรคนี้พบน้อยมาก หญิงชายมีโอกาสพอๆ กัน มักพบว่ามีอาการครั้งแรกระหว่างอายุ 15-24 ปี ส่วนใหญ่ถ้ามีญาติป่วยเป็นโรคทางอารมณ์ ลูกจะมีโอกาสมากกว่าคนทั่วไปประมาณ 8 เท่า สิ่งที่ถ่ายทอดเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไปกระตุ้นให้อาการสำแดงออกมา