|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 07/02/2556 ] |
|
|
|
|
ระวังเมล็ดสบู่ดำ |
|
|
|
|
นพ.สุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) อุบลราชธานี กล่าวว่า เมล็ดสบู่ดำเป็นพืชน้ำมันชนิดหนึ่ง มีการปลูกมากทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพราะสามารถสกัดน้ำมันจกเมล็ดสบู่ดำเพื่อนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซล ทดแทนน้ำมันดีเซล
เมล็ดสบู่ดำมีสารพิษรุนแรงและเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ คือ Curcin, Cuecasin, Phytosterols, resin และสารในกลุ่ม Phorbol esters ทำให้มีผลต่อระบบทางเดินอาหารและการหายใจ จึงมีการสกัดสารจากเมล็ดไปใช้ประโยชน์เพื่อเป็นสารชีวภาพกำจัดแมลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากนำมารับประทาน ภายหลังรับประทานเข้าไปประมาณ 30-60 นาที จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด รายที่มีอาการรุนแรง อาจมีอาการมือเท้าเกร็ง หายใจเร็ว หอบ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยอาการจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณที่รับประทานเข้าไป
จากรายงานพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจากการบริโภคเมล็ดสบู่ดำในประเทศไทยทุกปีโดยเฉพาะเด็กวัยเรียน ได้รับพิษจากเมล็ดสบู่ดำ และเหตุการณ์ล่าสุดมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จำนวน 24 คน
ดังนั้น สสจ.อุบลราชธานีจึงขอแจ้งเตือนประชาชนเพื่อป้องกันควบคุมโรคพิษจากสบู่ดำ ดังนี้ ชุมชนหรือโรงเรียนที่ปลูกต้นสบู่ดำไว้ใช้ประโยชน์ หรือปลูกไว้สาธิต หรือปลูกไว้ประกอบการเรียนการสอน ต้องติดป้ายชื่อต้นไม้ไว้ พร้อมคำแนะนำว่าเป็นพืชมีพิษห้ามรับประทานเมล็ด ระวังน้ำยางสบู่ดำถูกผิวหนัง เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง บวมแดง ปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง
หากเข้าตาจะทำให้ตาอักเสบ อาจตาบอดชั่วคราวได้ นอกจากนั้น โรงเรียนควรล้อมรั้วไว้ให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน เพราะเด็กเล็กอาจ ลองชิมเมล็ดสบู่ดำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณครูและผู้ปกครองควรระมัดระวัง และแนะนำเด็กห้ามนำเมล็ดสบู่ดำมา รับประทานอย่างเด็ดขาด |
| | |
|
| |