เทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ทั้งไก่ตอน เป็ดย่าง หมูแดง หมูสามชั้นทอดกรอบ ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ผัดหมี่ซั่ว ตับผัดต้นกระเทียม กระเพาะปลาผัดแห้ง ตบท้ายด้วยขนมเทียน ขนมเข่ง ฯลฯ
          แต่ละเมนูล้วนเอร็ดอร่อยทั้งนั้น...ทว่า...ถ้าอร่อยมากเกินไป จากความสุขเพียงประเดี๋ยวประด๋าวที่ได้ "ลิ้มรสอร่อย" ของอาหาร อาจแปรเปลี่ยนเป็นความทุกข์ เพราะ "ไขมัน" มาเยือนก็อาจเป็นได้
          นฤมล วัฒนาโสภณ นักโภชนาการ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท (แผนกผู้สูงอายุ) บอกว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน กลุ่มคนที่อายุ 45 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง สามารถอิ่มอร่อยกับอาหารได้แต่ควรต้องระวังเลือกรับประทานให้เหมาะสม หลายคนไม่ยอมแตะต้องเนื้อสัตว์ แต่ใช้เลี่ยงซดน้ำซุปแทน ที่จริงแล้วน้ำซุปส่วนใหญ่มีไขมันสะสมอยู่มาก จึงควรเลี่ยง
          "รับประทานแค่พออิ่มและควรดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพราะการทานตามความอยากเป็นหลักอาจส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้ ไขมันที่ส่งผลให้ไขมันในเลือดสูงขึ้น คือ แอลดีแอล ซึ่งได้จากการทานอาหารเป็นหลัก ทั้งหมู 3 ชั้นทอดกรอบ, เป็ดย่าง, หมูหัน, ไก่ตอน ส่วนไตรกลีเซอไรด์ เกิดจากอาหารจานเส้น, ขนมเทียน, ขนมเข่ง, ขนมหวาน และคอเลสเตอรอล เกิดจากเครื่องในสัตว์ต่างๆ และไข่" นฤมลอธิบายเพื่อให้ฉลองตรุษจีนอย่างมีความสุขไม่ทุกข์ภายหลัง นฤมลแนะนำว่า หลีกเลี่ยงหรือรับประทานอาหารที่ติดมันแต่น้อย เช่น หนังไก่ เป็ด หมู, เครื่องในสัตว์, ของทอด, ขนมเข่ง ขนมเทียนที่หวานและมีน้ำมันมาก ควรเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยเพื่อให้กากใยช่วยจับคอเลสเตอรอลจากลำไส้เล็ก ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลม ถ้าทำอาหารทานกันเองในบ้าน ควรเลือกใช้น้ำมันให้ถูกประเภท เช่น ใช้น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำข้าว  หรือคาโนลาในการผัดอาหาร
          "เพื่อให้เผาผลาญไขมันตัวร้ายได้ดี ควรทานมื้อหนักในช่วงเช้า หรือเที่ยงเพราะยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่จะเผาผลาญให้ออกไปจากร่างกาย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ควรทานก่อน 6 โมงเย็น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ควรดื่มชาจีนร้อนควบคู่กับมื้ออาหาร เพราะในชาจีนมีสารโพลีฟีนอลที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ และยังมีส่วนช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงด้วย และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการออกกำลังกาย, การทานปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด น้ำมันปลา"
          ท่องไว้ให้ขึ้นใจ You are what you eat "กินอะไรก็ได้อย่างนั้น"