|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 01/02/2556 ] |
|
|
|
|
สธ.คุมสะอาดตลาดสดลดโรคทางเดินอาหาร |
|
|
|
|
วันที่ 30 มกราคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองอธิบดีกรมอนามัย นายปริญญา ธรรมวัฒนะ กรรมการผู้จัดการตลาดยิ่งเจริญและนายกสมาคมตลาดสดไทย ตรวจเยี่ยมตลาดสดยิ่งเจริญ ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการอาหารปลอดภัยในช่วงเทศกาลตรุษจีน
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในช่วง 10 วันก่อนจะถึงเทศกาลตรุษจีน ได้สั่งการไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ และขอความร่วมมือกรุงเทพมหานคร (กทม.) รณรงค์และควบคุมมาตรฐานของตลาดสดในพื้นที่ ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ในการกระจายอาหารแก่ประชาชน ตามโครงการอาหารปลอดภัย และตลาดสดน่าซื้อ โดยเน้นเรื่องการล้างตลาด และแผงจำหน่ายอาหารตามหลักสุขาภิบาล การตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนกินสุกด้วย โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ปีก แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยจะไม่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนกติดต่อกันเกือบ 6 ปี แล้วก็ตาม แต่สถานการณ์โรคอาจหวนมาระบาดได้อีก เนื่องจากในประเทศในแถบเอเชียยังมีปัญหาโรคนี้อยู่ และสภาพอากาศในประเทศไทยขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูหนาว สธ. และกระทรวงเกษตรฯได้ร่วมมือกันเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง โดยห้ามไม่ให้นำสัตว์ปีกที่ตายผิดปกติ มาชำแหละจำหน่ายอย่างเด็ดขาด และเป็ดไก่ เนื้อสัตว์อื่นๆ ต้องมาจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐาน อาหารเซ่นไหว้อื่นๆ ต้องมาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้
นพ.ชลน่านกล่าวว่า สำหรับการพัฒนาตลาดสดให้ได้มาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ กรมอนามัยได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ 3 ด้านคือ 1.ด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการรักษาความสะอาดของตลาดและแผงจำหน่ายสินค้า การกำจัดขยะ น้ำเสีย การวางสินค้าเป็นระเบียบเรียบร้อย และสุขวิทยาส่วนบุคคลของผู้ขาย 2.ความปลอดภัยของอาหารที่วางจำหน่ายบนแผง ต้องปลอดสารปนเปื้อน เช่น ตรวจไม่พบสารฟอร์มาลิน สารกันรา สารบอแรกซ์ สารฟอกขาว สารฆ่าแมลง และสารเร่งเนื้อแดงในเนื้อหมู และ 3.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ต้องจัดบอร์ดให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเรื่องอาหารปลอดภัย และจัดให้มีจุดทดสอบสารปนเปื้อน ผลการดำเนินงานตลาดสด น่าซื้อในปี 2555 พบว่าในกลุ่มตลาดประเภทที่ 1 ที่มีโครงสร้างถาวรทั่วประเทศมี 1,564 แห่ง ผ่านเกณฑ์ 1,332 แห่งคิดเป็นร้อยละ 85 โดยผ่านระดับดีมาก 245 แห่ง ผ่านระดับดี 1,087 แห่ง ซึ่งมาตรฐานของตลาดสดของไทยนี้ ได้รับการยอมรับจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) และนำไปเผยแพร่ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย |
| | |
|
| |