เมื่อวันที่ 27 มกราคม นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (ยา) เปิดเผยถึงข่าวการจับยาเสียสาว "จีเอชบี" ที่กำลังแพร่ระบาดในสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากตำรวจจับกุมผู้ค้าเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชื่อดังว่า จีเอชบีจัดเป็นกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ ประเภทที่ 1 ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 คือห้ามจำหน่ายห้ามใช้และห้ามนำเข้าประเทศ หากใครละเมิดจะมีโทษจำคุก 5-20 ปี และปรับตั้งแต่ 1-4 แสนบาท ในอดีตยาดังกล่าวมีฤทธิ์ในการกดประสาทให้หลับจึงใช้เป็นยาสลบในทางการแพทย์ แต่มีผลข้างเคียงหากใช้ปริมาณมากจะทำให้บางคนชักและอาจเสียชีวิตได้จึงได้ยกเลิกการใช้และยกระดับเป็นกลุ่มควบคุมพิเศษ ห้ามใช้ทุกกรณีรวมทั้งในทางการแพทย์แต่กลับนำมาใช้ในทางที่ผิดเป็นเรื่องที่ต้องระวังกันทุกฝ่าย
          นพ.บุญชัยกล่าวว่า นอกจากจีเอชบีแล้วยังมียาที่น่าเป็นห่วงว่ามีการใช้ในทางที่ผิดอีกตัวคือ ยาอัลปราโซแลม (Alprazolam) ใช้เพื่อคลายกังวลในผู้ป่วย แต่กลับนำมาใช้ในทางที่ผิดมากขึ้น จึงได้ยกระดับจากวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 4 เป็นประเภท 2 ลงนามในประกาศตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ ระหว่างนี้ได้ทำหนังสือเวียนเพื่อให้ร้านขายยา คลินิก ส่งคืนแก่ผู้ผลิตให้หมดก่อนวันที่ 16 มิถุนายนนี้ เนื่องจากเดิมอนุญาตให้ร้านขายยาที่มีใบอนุญาตจำหน่ายได้ แต่ต้องมีใบสั่งแพทย์ กลุ่มนี้มีไม่มากร้อยละ 10 แต่นับจากนี้จะไม่อนุญาตอีกต่อไป จะให้ใช้ยาดังกล่าวได้เฉพาะในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่มีใบอนุญาตเท่านั้น จะควบคุมคล้ายๆ กับยาแก้หวัดสูตรผสมซูโด อีเฟดรีน
          "ทั้งสองตัวเป็นยาที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น จึงระวังตัวยากมาก ขอเตือนให้ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้หญิงเมื่อไปเที่ยวก็ต้องระวังอย่าไว้ใจใคร อย่าดื่มเครื่องดื่มจากใครง่ายๆ ควรรินเอง ตัวแก้วที่บรรจุเครื่องดื่มก็ต้องระวังทางที่ดีที่สุดอย่าไปเที่ยวกับคนที่เพิ่งรู้จักมักคุ้น เพราะสมัยนี้คนรู้จักยังเป็นอันตรายได้" เลขาธิการ อย.กล่าว
          ด้าน ภก.ประพนธ์ อางตระกูล ผู้อำนวยการควบคุมวัตถุเสพติด อย. กล่าวว่า ในช่วงนี้ยาอัลปราโซแลมจะยังถือว่าเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 4 โดยจะมีเวลาให้ร้านขายยาทยอยคืนยานี้ไปยังบริษัทผู้ผลิตและบริษัทผู้นำเข้า หากพ้นการประกาศใช้ยังพบว่า ร้านขายยาใดครอบครองยาดังกล่าวจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายทันที มีโทษจำคุก 5-20 ปี หรือปรับ 1-4 แสนบาท