ไม่ใช่เรื่องตลก ที่เมืองเวสตันซุปเปอร์-แมร์ ในแคว้นซอมเมอร์เซ็ท ประเทศอังกฤษ มีสามีภรรยาวัยเกษียณคู่หนึ่ง ที่เลือกใช้ชีวิตแต่ละวันอยู่ในอนาคต ด้วยการตั้งนาฬิกา "ล้ำหน้า" เร็วไปกว่าเพื่อนร่วมชาติ 1 ชั่วโมง
          หลังจากทดลองใช้ชีวิตเช่นนี้มา 6 ปี จอห์น และ เจนิส วอร์เรน บอกว่า สุขภาพของพวกเขาทั้งสองดีขึ้น อาการปวดหัวไมเกรนของจอห์นก็ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
          นางเจนิส วัย 68 เล่าว่า จากที่ใช้ชีวิตตามเวลาปกติเหมือนคนทั่วไป แต่แล้วอาการปวดหัวไมเกรนของสามี ซึ่งจากที่เคยเป็นๆ หายๆ แต่ภายหลัง จอห์นเริ่มมีอาการปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง กลายเป็นสาเหตุทำให้เธอและสามี ตัดสินใจลองใช้ชีวิตแบบ "โกงเวลา" ดูสักครั้ง
          "เราตัดสินใจลองใช้ชีวิตแบบนี้ดู เพราะเคยได้ยินมาว่า มีบางคนที่ปวดหัวไมเกรน พอเดินทางไปที่ออสเตรเลีย แล้วไม่ได้เปลี่ยนไปตั้งเวลาในนาฬิกาตามเวลาในออสเตรเลีย แต่ยังปล่อยให้เป็นเวลาตามเวลาในอังกฤษ ปรากฏว่า อาการปวดหัวไมเกรนที่เคยเป็นบ้างครั้งคราวของเขาเริ่มดีขึ้น เราเลยคิดว่า เงื่อนไขเรื่องเวลาอาจมีผลต่ออาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งพอเราทดลองทำดู เราก็เห็นผลว่ามันดีขึ้นเช่นกัน"
          อย่างไรก็ตาม จากรายงานข่าวของ เดอะ เทเลกราฟ ที่ลงเรื่องราวของสามีภรรยาคู่นี้ ไม่ได้มีความเห็นจากแพทย์มาอธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงเวลา มีผลอย่างไรที่ทำให้อาการปวดหัวไมเกรนของจอห์นดีขึ้น มีเพียงคำบอกเล่าของนางเจนิสเท่านั้น ที่ยังเล่าด้วยว่า การใช้ชีวิตตามเวลาที่เร็วกว่าชาวบ้านทั่วไป 1 ชั่วโมง ยังช่วยครอบครัวเธอสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ด้วย เพราะเข้านอนเร็วกว่าชาวบ้าน
          "เราสามารถประหยัดเงินค่าไฟฟ้า ค่าไฟฟ้าจากการเปิดเครื่องทำความร้อนในช่วงฤดูหนาวได้ถึง 1 ใน 3 อีกทั้งลูกๆ ของเราต่างโตกันหมดแล้ว เลยทำให้เราทั้งสองสามารถใช้ชีวิตได้ตามใจ ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องมีเงื่อนไขเวลามากำหนดให้ต้องทำอะไรตรงกับเวลาของชาวบ้าน ที่อาจต้องตื่นไปส่งลูกไปโรงเรียน"
          แต่เจนิสก็ว่า การใช้ชีวิตล้ำเวลาของเธอและสามี ก็มีปัญหาจุกจิก เล็กๆ น้อยๆ บ้างเหมือนกัน อย่างเวลามีเพื่อนๆ แวะมาหาเธอและจอห์นที่บ้าน
          "ทุกคนเวลามาที่บ้านเรา แล้วบังเอิญเหลือบไปมองนาฬิกาบนผนัง ก็จะตกใจแล้วบอกว่า โอ้ ...ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว เราก็ต้องอธิบายให้ฟังว่า นาฬิกาบ้านเราเร็วกว่าเวลาทั่วไป 1 ชั่วโมง"
          นำมาเล่าสู่กันฟังให้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ใช้ชีวิตแตกต่างจากที่เราคิดอย่างไม่น่าเชื่อเลยเนอะ