นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า อุณหภูมิที่เย็นลง ประชาชนอาจป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะไข้หวัดและปอดบวม จากรายงานของสำนักระบาดวิทยา ปี 2555 พบผู้ป่วยปอดบวมทั่วประเทศจำนวน 194,094 ราย เสียชีวิต 1,255 ราย กลุ่มที่ป่วยสูงที่สุดคือเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี สูงถึง 74,277 ราย เสียชีวิต 227 ราย รองลงมาคือ กลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี 40,497 ราย เสียชีวิต 222 ราย ในปี 2556 นี้ตั้งแต่ 1-14 มกราคม พบ ผู้ป่วยโรคปอดบวมแล้ว 3,037 ราย เสียชีวิต 4 ราย
          นพ.ณรงค์กล่าวว่า โรคปอดบวม เริ่มแรกมักมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำๆ คัดจมูก ไอจาม ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย อาการมักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยหลังจากวันที่ 3 อาการควรจะเริ่มดีขึ้น ไข้ลดลง อาจไอต่อไปได้อีก 1-2 สัปดาห์ แต่หากยังไม่ดีขึ้น หรือมีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบเร็ว น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสี เหลืองอ่อนๆ เป็นสีเขียว ขอให้สงสัยว่าอาจมีโรคแทรกซ้อนที่ปอด ที่สำคัญคือโรคปอดบวมหรือที่เรียกว่าปอดอักเสบ เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์โรคทางเดินหายใจในช่วงหน้าหนาวในพื้นที่ภาคเหนือ เช่นที่ รพ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ 87 ราย
          นพ.วิชัย สติมัย ผู้อำนวยการสำนักงานโรคติดต่อโดยแมลง กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ปี 2556 ต้องระวังเรื่องโรคไข้เลือดออก เนื่องจากเมื่อปี 2555 พบผู้ป่วยจำนวน 76,351 ราย เสียชีวิต 82 ราย โดยในปี 2556 น่าห่วงมาก เฉพาะช่วงวันที่ 1-14 มกราคม พบผู้ป่วยสูงถึง 1,079 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ซึ่งภาคที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือภาคใต้ อาทิ จ.สงขลา กระบี่ พัทลุง พังงา รองลงมาคือภาคกลาง เช่น กรุงเทพฯ คาดการณ์ว่าในปี 2556 จะพบผู้ป่วยสูงถึงประมาณ 1-1.2 แสนราย และเสียชีวิตประมาณ 100 ราย เนื่องจากในขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาวไม่ใช่ฤดูฝนหรือฤดูที่จะพบการระบาดของโรคไข้เลือดออก แต่กลับพบรายงานตัวเลขผู้ป่วยแล้วกว่าพันราย