เตือนภัยมลพิษในปักกิ่งทะลักเกินค่ามาตรฐาน 30-45 เท่าตัว รัฐบาลเตือนให้เด็กและคนชราต้องอยู่ภายในที่พัก เผยอีกหลายหัวเมืองย่ำแย่ไม่แพ้กัน
          เมื่อวันที่ 13 มกราคม ศูนย์ติดตามสภาวะแวดล้อมมหานครปักกิ่ง (บีเจเอ็มอีเอ็มซี) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจวัดและเตือนภัยสภาวะแวดล้อมของกรุงปักกิ่ง แถลงในวันเดียวกันนี้ว่า สภาวะอากาศเป็นพิษในกรุงปักกิ่ง เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่มีการติดตามตรวจสอบมาตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา โดยทางศูนย์เตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกไปกลางแจ้ง และให้เด็กและคนชราต้องอยู่ภายในที่พักอาศัย พร้อมเปิดเครื่องกรองอากาศเท่านั้น หลังจากที่ค่ามลภาวะในอากาศในกรุงปักกิ่งเพิ่มพรวดพราดตั้งแต่วันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เรื่อยมาจนถึงวันที่ 13 มกราคมเกินกว่าค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกมากถึงระหว่าง 30-45 เท่าตัว
          ทั้งนี้ สภาพของกรุงปักกิ่งซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 20 ล้านคน เหมือนถูกหุ้มด้วยหมอกควันที่เต็มไปด้วยอนุภาคที่เป็นพิษหรือที่เรียกว่า "สม็อก" นอกจากจะทำให้ทัศนวิสัยในการมองและการขับขี่ยวดยานแย่ลงแล้ว ยังสามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพรุนแรงยืดเยื้อได้ ทั้งนี้ ข้อมูลที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ของบีเจเอ็มอีเอ็มซี  เมื่อวันที่ 13 มกราคม แสดงให้เห็นว่า ค่าอนุภาคแขวนลอยขนาดเล็กเกินกว่า 2.5 ไมโครเมตร หรือที่เรียกว่า ค่าพีเอ็ม 2.5 ทวีปริมาณขึ้นสูงถึง 600 ไมโครกรัมต่อตารางเมตร จากสถานีตรวจวัดบางจุดในกรุงปักกิ่ง โดยค่าพีเอ็ม ดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดถึง 900 ไมโครกรัมต่อตารางเมตร เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา
          สำหรับปริมาณค่าพีเอ็มที่ถือเป็นระดับมาตรฐานตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกนั้นอยู่ที่ระดับ 20-25 ไมโครกรัมต่อ ตารางเมตร เท่านั้น ค่าที่เกินกว่าระดับดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดโรคหอบหืด และโรคทางเดินหายใจได้มากมาย ในขณะที่นาย จู หรง นักเคลื่อนไหวเพื่อลดมลพิษขององค์กรเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมกรีนพีซระบุว่า สภาวะแวดล้อมดังกล่าวนี้ถือว่าแย่และเลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่จากผลการวัดอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเท่านั้น แม้แต่การวัดของสถานทูตสหรัฐอเมริกาก็ให้ผลออกมาใกล้เคียงกัน ในขณะที่ในเมืองอื่นๆ ที่แวดล้อมปักกิ่งอีกหลายเมืองอย่างเช่นใน มณฑลเหอเป่ย สภาวะแวดล้อมยิ่งย่ำแย่กว่าในปักกิ่งด้วยซ้ำไป
          ศูนย์บีเจเอ็มอีเอ็มซีอ้างว่า ภาวะมลพิษรุนแรงเป็นประวัติการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากสภาพอากาศหนาวที่กลายเป็นตัวกักบรรดามลพิษให้อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับการที่อากาศนิ่ง ไม่มีลม ทำให้ฟุ้งกระจายได้ยาก สภาพเช่นนี้เริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังคงอยู่ต่อเนื่องต่อไปอีกราว 2 วัน จนกระทั่งถึงวันอังคารที่ 15 มกราคมนี้ และแม้ว่าทางการจะประกาศให้หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกเคหสถาน แต่สภาพการจราจรในกรุงปักกิ่งก็ยังเต็มไปด้วยความโกลาหลและติดขัดเหมือนเช่นที่ผ่านมา
          เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทางการจีนประกาศว่าจะเผยแพร่ข้อมูลการตรวจวัดสภาพมลภาวะในอากาศรายชั่วโมงในหัวเมืองใหญ่ต่างๆ พร้อมกันนั้นก็กำกับให้เมืองใหญ่ๆต้องกำหนดตารางเวลาในการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในตัวเมือง อย่างไรก็ตาม นายจู หรง ชี้ว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงแค่การกำกับตัวเมืองไม่กี่เมืองในขณะที่ตัวเมืองแวดล้อมไม่ได้ดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด (เอพี/รอยเตอร์)