HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 03/01/2556 ]
รู้ทัน'ศัลยกรรม'สวยปลอดภัยปี'56

"สวยด้วยศัลยกรรม" เทรนด์ฮิตที่ยังฮอตไม่เลิก แม้ในปี 2555 ที่ผ่านมาจะปรากฏข่าวพาดหัวต่อเนื่องจากพิษภัยศัลยกรรม แต่การเลือก "สวยทางลัด" ยังคงมาแรงและมีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปีในปี 2556 นี้ สาวๆ ที่อยากสวยด้วยมีดหมอ ชวนมาฟังความเห็นคุณหมอด้านความงามชี้ข้อดีข้อเสีย จุดเสี่ยงการทำศัลยกรรมเพื่อการรู้เท่าทันไว้แต่เนิ่นๆ


เริ่มที่ นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผอ.ต่างประเทศ (เอเชีย-แปซิฟิก) สมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อความงามและศัลยกรรมความงาม ผู้ก่อตั้ง AIC ศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ เผยว่า จากประสบการณ์การผ่าตัดดึงหน้าเสี่ยงที่สุด เพราะมีโอกาสถูกเส้นประสาท หน้าเบี้ยวได้ รองลงมาคือการตัดกรามต้องระวังจะผ่าไปโดนเส้นประสาทเช่นกัน ส่วนบริเวณอื่นมักไม่ค่อยเสี่ยง ยกเว้นคางที่ผ่าตัดเสริมแล้วมักไม่ค่อยสวย ส่วนใหญ่ดูออกว่าไม่เป็นธรรมชาติ
ข้อเสียของการผ่าตัดมีทั้งความเสี่ยงจากการวางยาสลบและจากการผ่าตัด อาจเกิดผลข้างเคียงจนแทบแก้ไขไม่ได้เลย การรื้อผ่าใหม่ก็ทำยากและมักไม่ได้ผลดีเหมือนเดิม หลังผ่าตัดก็ต้องพักฟื้นนาน รอยแผลเป็นจากมีดผ่าตัดจะติดตัวไปตลอดชีวิต แม้ผ่าแล้วได้ผลดีก็ต้องผ่าตัดซ้ำในอนาคต ผลการรักษาจากการผ่าครั้งที่ 2 มักไม่ดีและดูไม่เป็นธรรมชาติ รอยแผลเป็นก็จะมากขึ้นด้วย


การรักษาแบบกึ่งศัลยกรรมจึงมีแนวโน้มเติบโตสูงมากในปี 2556 นี้ เพราะเจ็บตัวน้อยกว่า ไม่ต้องพักฟื้นนาน ผลข้างเคียงน้อย การรักษาแบบกึ่งศัลยกรรมซึ่งเน้นการฉีด การร้อยไหม จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทดแทนการผ่าตัดที่ไม่จำเป็นได้ โดยเฉพาะการดึงหน้าและการปรับรูปโครงหน้าใหม่ แต่การฉีดและการรักษาแบบกึ่งศัลยกรรมก็มีข้อเสียคือผลการรักษาอยู่ได้ไม่นาน เช่น 1-2 ปีเท่านั้น และยังมีราคาแพงกว่าการผ่าตัด ที่สำคัญต้องทำอย่างระวังโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


ส่วนอันตรายจากการฉีดสารฟิลเลอร์ที่กำลังฮิตตอนนี้ นพ.พุฒิพงศ์กล่าวว่า ยอดใช้ยาฟิลเลอร์ฉีดน่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ในปี 2556 นี้ พร้อมเตือนว่าในอดีตเราถือว่าการฉีดจมูกเป็นของง่าย แพทย์ฝีมือการฉีดฟิลเลอร์ระดับกลางก็ทำได้ แต่ช่วงปี 2555 ที่มีเคสรายงานผลข้างเคียงจากการฉีดสารฟิลเลอร์ที่จมูกบ่อยครั้ง ทั้งการเกิดเนื้อเน่าตาย การฉีดเข้าเส้นเลือดแล้วตาบอด ทำให้การฉีดจมูกถูกยกระดับความยากขึ้น คือต้องทำโดยแพทย์ฝีมือระดับแอดวานซ์เท่านั้น


โดยสรุปแล้วการฉีดฟิลเลอร์จมูกมีความเสี่ยงมากสุด ผู้บริโภคจึงต้องศึกษา
การผ่าตัดอื่นๆ เช่น จมูก ตา เสี่ยงน้อยถ้าทำได้ถูกวิธี


ประวัติแพทย์ก่อนฉีดจมูกทุกครั้ง
ส่วนการฉีดหน้าอก การผ่าตัดเสริมหน้าอกถือว่าปลอดภัย แต่ติดที่ต้องวางยาสลบจึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว
สำหรับอาการคลั่งขาวที่กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง คุณหมออธิบายว่าความจริงสาร
กลูต้าไธโอนมีประโยชน์มาก มีใช้อย่างถูกต้อง ตามกฎหมายในยุโรปและอเมริกา ช่วยบำรุงตับ ลดระดับสารพิษและอนุมูลอิสระในร่างกาย ชะลอวัย ในต่างประเทศนำมาใช้เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายในผู้ป่วยที่เป็นโรคที่รักษาไม่ได้หลายโรครวมถึงมะเร็ง


ผลพลอยได้จากการฉีดสารนี้ทำให้การสร้างเม็ดสีของร่างกายลดลง ผิวทั่วตัวจึงขาวขึ้น รวมถึงเม็ดสีที่ตาดำ เมื่อเม็ดสีลดลงกลไกการป้องกันรังสียูวีของร่างกายก็ลดลง และอาจเกิดอันตรายจากรังสียูวีได้ เช่น ที่ตาและผิวหนัง หากทำแต่พอดีและรู้จักป้องกันตัวเองก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เช่น ใส่แว่นกันแดดและทาครีมกันแดด
ด้าน พญ.เดือนเพ็ญ จ่างพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยว ชาญด้านผิวหนังและความงามประจำเดซี่ดิว่า และอิมเมจินี่ คลินิก กล่าวว่าการฉีดสาร กลูต้าไธโอนเพื่อผิวขาวยังไม่ผ่านการรองรับจากองค์การอาหารและยา เนื่องจากการนำเข้ายาประเภทนี้ไม่ได้ขึ้นทะเบียน


การฉีดสารที่ไม่ผ่านการรับรองเข้าเส้นเลือดมีโอกาสเกิดการแพ้ยาและอันตรายถึงชีวิตได้ฉับพลัน การใช้กลูต้าไธโอนในทางการแพทย์ใช้สำหรับการรักษาในกลุ่มโรคบางชนิดเท่านั้น เช่น มะเร็งบางชนิด โรคทางสมอง เช่น พาร์กินสัน หรือกรณีการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดที่มีผลให้ระดับ กลูต้าไธโอนต่ำกว่าปกติ ส่วนผลข้างเคียงทางตา กรณีรับสารกลูต้าไธโอนปริมาณมากจะลดปริมาณเม็ดสีชนิดเข้มที่จอประสาทตาเช่นเดียวกับเม็ดสีชนิดเข้มบริเวณอื่นๆ ของร่างกายเช่นกัน


ขึ้นชื่อว่าศัลยกรรมมีความเสี่ยงทั้งหมด เนื่อง จากบางคนมีลักษณะกายวิภาคที่ไม่เป็นไปตามปกติของคนทั่วไป กรณีศัลยกรรมแบบผ่าตัดเปิดจะเห็นโครงสร้างและตำแหน่งของเส้นเลือด เส้นประสาทได้ชัดเจนกว่าการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งทำผ่าน


ผิวหนังชั้นนอกทำให้หลีกเลี่ยงได้เฉพาะเส้นเลือดที่อยู่ตื้น ส่วนที่อยู่ลึกแพทย์เพียงทราบตำแหน่งจากลักษณะทางกายวิภาคปกติ ไม่สามารถเห็นจากตาเปล่า


มีรายงานให้ทราบถึงผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูก ใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้มและการฉีดสารโบทูลินัมทอกซินบริเวณรอบดวงตาแล้วพบตาบอดทั้งแบบชั่วคราวและถาวร เนื่องจากแขนงหลอดเลือดบนบริเวณใบหน้าสามารถเชื่อมโยงไปยังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงตาและสมอง


กรณีที่มีสารเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไปอุดหลอดเลือดบริเวณดังกล่าวจึงส่งผลลัพธ์ให้การมองเห็นลดลง ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด แต่พบน้อยกว่ากรณีที่สารเติมเต็มอุดเส้นเลือดแล้วผิวหนังบริเวณนั้นเกิดเนื้อตาย
การฉีดฟิลเลอร์เสริมจมูกที่นิยมกันมากในปัจจุบันต้องระวัง เนื่องจากในท้องตลาดมีฟิลเลอร์หลายประเภท ควรเลือกรับบริการในสถานความงามคลินิกหรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ


ขณะที่ พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคผิวหนัง และแพทยผู์อำนวยการรมย์ รวินท์ คลินิก กล่าวถึงความเสี่ยงของการทำเลเซอร์ว่า ความนิยมใช้เลเซอร์ของคนไทยมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัย ถ้าเป็นช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 13-25 ปี นิยมใช้เลเซอร์เพื่อแก้ปัญหาสิวบริเวณใบหน้าและหลัง และนิยมทำเลเซอร์กำจัดขนใต้วงแขนกับเลเซอร์หน้าใส


ซึ่งเป็นกลุ่มเลเซอร์ลดความหมองคล้ำ ลดเม็ดสีเมลานิน
แต่ถ้าเป็นกลุ่มวัยทำงานนิยมเลเซอร์เพื่อลดริ้วรอยและเลเซอร์แก้ปัญหาฝ้า
กระ จุดด่างดำ เลเซอร์กำจัดขน ตลอดจนใช้เลเซอร์ปรับสัดส่วนลดส่วนเกินโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา พอถึงช่วงวัย 35 ปีขึ้นไปจะนิยมทำเลเซอร์ยกกระชับผิวหน้าและลำคอรวมทั้งเลเซอร์ปรับสัดส่วน
พื้นที่เสี่ยงในการทำเลเซอร์คือบริเวณลำตัว เนื่องจากผิวบริเวณลำตัวถ้าเกิดแผลจะหายช้ากว่าผิวหน้า เพราะผิวลำตัวมีเส้นเลือดเลี้ยงน้อยกว่า นอกจากนี้ในกลุ่มเทคโนโลยี IPL ที่ใช้แสงความเข้มสูงอาจจะเกิดความเสี่ยงกับคนที่ผิวสีเข้ม อาจเกิดการเบิร์นหรือรอยดำได้ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านี้พัฒนาให้ปลอดภัยมากขึ้น แพทย์สามารถเลือกใช้ประเภทของเทคโนโลยีให้เหมาะสมโดยไม่มีอันตรายและมีความเสี่ยงน้อยมาก


"เทรนด์ความงามที่น่าจะมาแรงในปี 2556 1.เทคโนโลยียกกระชับ ที่พัฒนาจนมีประสิทธิภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนหันมาพึ่งเทคโนโลยียกกระชับแทนการผ่าตัดดึงหน้ากันมากขึ้น 2.เทคโนโลยีหน้าเรียว 3.เทคโนโลยีผิวเนียนใสฉ่ำน้ำ อีกหนึ่งเทรนด์ฮิตจากเกาหลี ใช้วิทยาการผลักสารไฮยาลูโรนิก ที่มีความหนืดน้อยลงไปใต้ผิวตื้นๆ จะช่วยให้ผิวดูชุ่มฉ่ำ ใสเงาขึ้นได้ชั่วคราว และ 4.เทคโนโลยีลดสัดส่วน" พญ.ฐานิสรกล่าวในตอนท้าย


pageview  1205457    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved