HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 26/12/2555 ]
มันมากับความสุขปีใหม่ 'ดื่ม-กิน-เที่ยว'ให้ถูกวิธี

ช่วงปลายปีเช่นนี้ นอกจากจะเห็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แล้ว ที่ขาดไม่ได้คือ การท่องเที่ยวตาม สถานที่พักผ่อนต่างๆยิ่งสภาพอากาศที่หนาวเย็นปกคลุมภาคเหนือและภาคอีสาน ยิ่งส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นอุทยาน แห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติดอย อินทนนท์ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง หรืออุทยานแห่งชาติภูเรือ ล้วนคับคั่งด้วยผู้คน


แต่ที่ต้องระวังระหว่างการเฉลิมฉลองนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2556 คือ ภัยที่คาดไม่ถึง แต่พบปัญหาทุกปี
นั่นคือ ภัยสุขภาพที่มาจากการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะป่าเขา ที่เปิดสถานที่ให้กางเต็นท์รับบรรยากาศธรรมชาติ


เรื่องนี้ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตือนว่า ช่วงท้ายปีมักเป็นช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็น ยิ่งในสถานที่ท่องเที่ยวตามภูเขา ยิ่งหนาวมากขึ้น
โรคที่มาพร้อมกับสภาพอากาศหนาวเย็น คือ โรคปอดบวม โรคหวัดใหญ่ ดังนั้น ควรเตรียมเสื้อกันหนาวสวมใส่เพื่อความอบอุ่น


นอกจากนี้ควรระวังโรคที่มาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก หรือพวกสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระแต กระรอก ซึ่งจัดเป็นสัตว์รังโรคก่อตัวไรอ่อน ทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส (Scrub typhus) โดยตัวไรอ่อนเมื่อกัดคนจะปล่อยเชื้อที่เรียกว่าริกเก็ตเซีย (Rickettsia) ทำให้เกิดโรคไข้รากสาดใหญ่นั่นเอง
ทั้งนี้ จะมีระยะฟักตัวประมาณ 6-21 วัน แต่โดยทั่วไปประมาณ 10-12 วัน โดยไรอ่อนมักจะเข้าไปกัดบริเวณร่มผ้า เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัวบริเวณใต้ราวนม รักแร้ และคอ โรคนี้จะพบมากในช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว หรือช่วงปลายปีที่มักไปท่องเที่ยวตามป่าเขาก็ต้องระวัง


อาการที่สำคัญ ได้แก่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรงบริเวณขมับและหน้าผาก ตัวร้อนจัด มีไข้สูง 40-40.5 องศาเซลเซียส หนาวสั่น เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีอาการไอแห้งๆ ไต ตับ ม้ามโต และผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ ตรงบริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด มีสีแดงคล้ำ เป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20-50 อาจจะมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่ การอักเสบที่ปอด สมอง ในรายที่อาการรุนแรงอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงขั้นช็อก เสียชีวิตได้ ดังนั้น หากกลับจากการท่องเที่ยวแล้วมีอาการไข้ไม่หายขาดเกิน 2 สัปดาห์ควรพบแพทย์


นอกจากนี้ ยังต้องระวังอุบัติภัยจากการกางเต็นท์พักแรม เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะใช้เต็นท์ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย คือ เลือกพื้นที่กางเต็นท์พักแรมในบริเวณจุดที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ไม่กางเต็นท์บริเวณเนินเขา ไหล่เขา เพื่อป้องกันการถูกกระแสน้ำพัดหากเกิดน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงบริเวณริมธารน้ำ เพราะอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกมาหากินในช่วงเวลากลางคืน


ห้ามจุดตะเกียง เทียน หรือสูบบุหรี่ภายในเต็นท์ เพราะเต็นท์เป็นผ้าใบจึงติดไฟได้ง่าย อาจทำให้ถูกไฟคลอกเสียชีวิต และหากร่างกายสูดดมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากควันไฟเข้าไปจำนวนมากอาจทำให้สำลักควัน และขาดอากาศหายใจเสียชีวิตได้ กรณีจำเป็นต้องจุดไฟให้เปิดเต็นท์หรือทำช่องระบายอากาศ หากต้องการแสงสว่างภายในเต็นท์ควรใช้ไฟฉายแทนการจุดไฟ


อีกทั้งควรระวังการจุดไฟใกล้เต็นท์พักแรม และการประกอบกิจกรรมที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้และไฟป่า ไม่ทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นหรือพงหญ้าแห้ง หากจำเป็นต้องก่อกองไฟควรดับไฟให้สนิทก่อนออกเดินทาง
ที่สำคัญ นักท่องเที่ยวควรระมัดระวังการถ่ายรูป การเดินเล่น หรือยืนริมหน้าผาและชะง่อนหิน เพราะสภาพอากาศในฤดูหนาวมีความชื้นสูง ทำให้พื้นเปียกลื่นและมีตะไคร่เกาะ โดยเฉพาะบริเวณพงหญ้ารก ซึ่งอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพื้นดิน เมื่อไปเหยียบอาจทำให้พลัดตกหน้าผาเสียชีวิตได้


การดื่มเหล้าเพราะเชื่อว่าช่วยให้ร่างกายอบอุ่นนั้น นับเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะโดยทั่วไปเหล้าจะมีเอทิลแอลกอฮอล์ที่กินได้ผสมอยู่ในปริมาณไม่เกินร้อยละ 60 ที่มีความเชื่อว่าการดื่มเหล้าช่วยคลายหนาวได้นั้น เนื่องจากหลังดื่มเหล้าเข้าไป ร้อยละ 95 ของแอลกอฮอล์ในเหล้าจะเข้าสู่กระแสเลือด ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดฝอยทั่วร่างกายขยายตัว เกิดความรู้สึกว่าร้อนวูบวาบ หน้าแดง ทำให้ผู้ดื่มถอดเสื้อกันหนาวออก หรือใส่เพียงเสื้อผ้าบางๆ แทน โดยที่ไม่รู้ว่าความร้อนที่เกิดขึ้นหลังดื่มเหล้า ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนออกไปเร็วขึ้น


หากดื่มเหล้ามากๆ ตัวแอลกอฮอล์จะกดประสาทส่วนกลาง ทำให้ง่วง งง ซึม อาจทำให้หมดสติได้ ยิ่งอยู่ในที่มีอากาศหนาวเย็นยิ่งอันตราย เนื่องจากความเย็นจะให้ทำให้เลือดในร่างกายมีความหนืดขึ้น การไหลเวียนยากลำบาก อวัยวะต่างๆ ขาดออกซิเจน หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้


จึงขอย้ำเตือนประชาชนอย่ามองข้ามเรื่องนี้ ที่สำคัญเมื่อกินเหล้าจนเมามากๆ ทำให้ขาดสติ ก็เสี่ยงตกเขาตกน้ำอีก
"กลุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการดื่มเหล้าแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากเกินไป ความดันโลหิตต่ำ หัวใจทำงานหนัก เต้นเร็ว เสี่ยงหัวใจวาย และเสียชีวิต และ 2.กลุ่มที่ดื่มหามรุ่งหามค่ำไม่หยุดติดต่อกัน 3-4 วัน แทบไม่ทานอาหาร กลุ่มนี้เสี่ยงก่อพิษต่อปอด และไปทำลายสมอง กดระบบประสาท และส่งผลต่อหัวใจ เสียชีวิตในที่สุด" นพ.พรเทพกล่าวเตือนทิ้งท้าย


ฉลองปีใหม่ สัมผัสอากาศหนาวด้วยความไม่ประมาท รักษาชีวิตและสุขภาพ จะได้เห็นปีใหม่ ได้สัมผัสความสวยงามของโลกกันอีกหลายๆ ปี หรือหลายๆ สิบปี


pageview  1205465    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved