นายวิทยากล่าวว่า จะเน้น 4 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1.มีหมอใกล้บ้านใกล้ใจ 2.มียาดีใช้เพียงพอ 3.ไม่ต้องรอรักษานาน และ 4.จัดการโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่อยากได้จากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

          "เป้าหมายคือ ประชาชนจะมีหมอประจำครอบครัวดูแลสุขภาพถึงบ้านทุกครัวเรือน ครอบคลุมทั่วประเทศที่มีประมาณ   20 ล้านครัวเรือน ภายในปี 2557 โดยในปีแรกจะดำเนินการให้ได้ร้อยละ 60 หรือประมาณ 12 ล้านครัวเรือน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงที่ต้องตรวจสุขภาพและกินยาต่อเนื่อง จะได้รับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.) ใกล้บ้าน ทุกคนจะได้รับยาดี คือยาที่รักษาแล้วหายจากโรค ทั้งยารักษาโรคทั่วไปและยาที่มีราคาสูงทุกสิทธิไม่แตกต่างกัน และเพิ่มทางเลือกในการรักษาด้วยแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกมากขึ้น โดยจะมีรณรงค์การใช้ยาของประชาชน เพราะที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อว่า ยาดีคือยาราคาแพง ส่วนยาของบัตรทองคือยาราคาถูก ไม่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สัดส่วนของการใช้ยาของคนไทยมากกว่าร้อยละ 40 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลว่าคนไทยกินยาโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 1 ล้านเม็ด" นายวิทยากล่าวสำหรับการพัฒนาการให้บริการให้รวดเร็วขึ้นนั้น นายวิทยาบอกว่า ผู้ป่วยนอกร้อยละ 80 จะได้รับบริการภายในเวลา 2 ชั่วโมง 50 นาที กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินจะได้รับบริการภายใต้นโยบาย 3 เร็ว 2 ดี มีระบบช่องทางพิเศษจัดบริการผู้สูงอายุ พระภิกษุ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นมะเร็ง หัวใจ ต้อกระจก รอคิวรักษาไม่เกิน 3 เดือน โดย สธ.จะนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาเชื่อมโยงข้อมูลบริการระหว่างสถานพยาบาลเครือข่าย ส่วนการจัดการ โรคเรื้อรัง ร้อยละ 80 ของประชาชนกลุ่มเป้าหมายจะได้รับการตรวจคัดกรองค้นหาเบาหวาน ความดันโลหิตสูง อีก ทั้งเด็ก สตรีผู้สูงอายุ ผู้พิการได้รับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงและการสร้างเสริมสุขภาพเพิ่มขึ้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

          ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ คณะอนุกรรมการด้านบริหารยุทธศาสตร์ ของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จะตั้งวงประชุมเป็นครั้งแรกนับจากมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และจะมีการหารือถึงเรื่องสิทธิการรักษาพื้นฐานที่ได้มาตรฐานของแต่ละระบบสุขภาพด้วย

          มาดูกันว่ารายละเอียดจะเป็นอย่างไร!