ระบบทางเดินหายใจมีความสำคัญไม่แพ้ระบบอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย ลองสังเกตคนใกล้ตัวที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ต้องใช้วีธีอย่างยากลำบาก บางครอบครัวเป็นภูมิแพ้กันทั้งบ้าน อยู่ในที่อึดอัดคับแคมไม่ได้ มีฝุ่นละอองนิดหน่อยมไม่ได้เลยเดี๋ยวหายใจไม่ออก หรือไอ จามจนจมูกระบม
          โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจที่เห็นจะเกิดในคนคนไทยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า อาการของโรคที่พบโดยทั่วไปแบ่งเป็นภูมิแพ้ทางระบบเดินทางหายใจ ภูมิแพ้ทางผิดหนัง ภูมิแพ้ทางตา ภูมิแพ้อาหาร ภูมิแพ้ยา และการแพ้ในภาวะช็อกรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
          คาดการณ์กันว่าคนมีคนไทยป่วยเป็นภูมิแพ้มากกว่า 18 ล้านคน เกินกว่า 10 ล้านคนเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก พบในผู้ใหญ่คิดเป็นร้อยละ 20 พบในเด็กร้อยละ 40 ในจำนวนนี้กว่า 5 ล้านคนเป็นโรคหืด โรคภูมิแพ้ทางจมูกหรือโรคภูมิแพ้อากาศ พบในคนไทยร้อยละ 20 เฉลี่ยในประชากรผู้ใหญ่ 5 คนจะพบคนที่เป็นภูมิแพ้ 1 คน ส่วนในเด็ก 10 คนจะพบผู้ป่วย 4 คน
          ที่น่ากลัวอีกประการหนึ่งคือ วัยรุ่นมีแนวโน้มเป็นภูมิแพ้ทางจมูกเพิ่มขึ้น เพราะวัยรุ่นชอบนอนดึก ชอบใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน คลุกคลีในที่ที่มีสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองสูง เช่น จัดปาร์ตี้สูบบุหรี่สูดควันพิษในห้องแคบๆ อยู่ในที่แออัดอย่างร้านอินเทอร์เน็ต ร้านเกม ห้องซ้อมดนตรีเป็นเวลานานๆ
          อาการจะมีหลายรูปแบบ ทั้งหวัดเรื้อรัง คัดจมูกบ่อยไอจามบ่อยเวลาอากาศเปลี่ยน มีผื่นคันตามข้อพับ แขนขา ปากบวม เป็นลมพิษ บางรายจุกเสียดท้องบ่อยๆ มีลมมากในท้องเนื่องจากการหายใจทางปาก บางคนกรนในเวลากลางคืน ซึ่งพบบ่อยในรายที่คัดจมูกเรื้อรังจากโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ
          อาการมักจะหายใจไม่คล่อง อ่อนเพลียง่าย นอกไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าดูแลสุขภาพ ถ้าดูแลสุขภาพอย่างไม่ถูกวิธีอาจเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น ไซนัสอักเสบ ผนังคออักเสบเรื้อรังภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หลอดลมอักเสบ หอบหืด ริดสีดวงจมูก หูชั้นกลางอักเสบ
          ดร.พญ.วิภารัตน์ มุนุญการ หน่วยโรคภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันและโรคข้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี บอกว่าปัจจุบันคนไทยเป็นภูมิแพ้มากขึ้น เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงบ่อย คนในเมืองนิยมอยู่บ้านมากขึ้น ไม่ออกกำลังกาย เด็กกินนมแม่น้อยลง สัมผัสควันบุหรี่และมลภาวะเป็นพิษทางอากาศมากขึ้น
          ถึงแม้โรคภูมิแพ้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เลือกที่จะป้องกันหลีกเหลี่ยงสารก่อภูมอแพ้ภายนอกได้
          เก็บบ้านให้สะอาด ไกลฝุ่นไกลโรค
          ดร.พญ.วิภารัตน์ มนุญากร แนะนำให้ผู้ป่วยภูมิแพ้เริ่มต้นจาการทำความสะอาดบ้าน ห้องนอน หมอน ผ้าห่ม พัดลม เครื่องปรับอากาศ ไม่ให้มีฝุ่นเกาะหนาเกรอะ รวมถึงไม่นำสัตว์เลี้ยงเช่น สุนัข แมว นก หนู มาเลี้ยงในบ้านหรือในห้องนอน หากบ้านไหนปลูกต้นไม้ใส่กระถางให้ระวังด้วย เพราะละอองเชื่อราอาจปลิวเข้าสู่จมูกได้
          พึงเลี่ยงอยู่ใที่ร้อนหรือหนาวเกินไป ไม่อดหลับอดนอน ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่หลักเลี่ยงอาหารทะเล ถั่ว ไข่ นม ผู้ป่วยต้องสังเกตตัวเองด้วยว่านอกจากปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดยังมีสารอื่นหรือสภาพแวดล้อมอื่นใดที่ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบขึ้นหรือไม่ รู้แล้วจะได้หลีกเลี่ยงอาการป่วยจะได้บรรเทาลงในเร็ววัน