พ่อแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกเล็กวัยเรียน คงคุ้นชินกับความซุกซนของเจ้าตัวเล็กกันไม่มากก็น้อย หากซุกซนในแบบธรรมชาติของเด็กก็ดีไปแต่หากชนในลักษณะของ "โรคสมาธิสั้น" ย่อมไม่เป็นผลดีต่อทั้งการเรียนรวมถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างในระยะยาวอย่างแน่นอน
          มีข้อมูลที่น่าตกใจจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า จากผลสำรวจล่าสุดในกลุ่มเด็กไทยที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาที่ 1-6 จากจำนวนประมาณ 5 ล้านคน พบว่าเป็นโรคสมาธิสั้น หรือ ADHD (Attention Deificit Hyperactivity Disorder) ถึงร้อยละ 6.5 หรือประมาณ 310,000 รายทั่วประเทศ ขณะที่ทั่วโลกพบเด็กเป็นร้อยละ 5 เท่านั้น
          จากโรคที่ว่านี้ พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร เนื่องจากไม่คิดว่าเด็กป่วย โดยอาการของโรคมักสังเกตพฤติกรรมได้ 3 ลักษณะคือ 1 สมาธิสั้น ไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิได้นาน เช่น อ่านหนังสือ วาดภาพ 2.อยู่ไม่นิ่ง ซุกซน ซึ่งจะสร้างปัญหาในการดูแลให้กับพ่อแม่ ครู 3.หุนหันพลันแล่น ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้  หากโดนขัดใจก็จะแสดงพฤติกรรมหงุดหงิด เกิดเป็นปัญหากับคนรอบข้างตามมา
          หากปล่อยให้เรื้อรังไม่รีบรักษา จากรายงานของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์พบง่า หากมีอาการป่วยจนถึงผู้ใหญ่ 1 ใน 4 จะทำผิดกฎจราจร มีบุคลิกก้าวร้าว อีก 1 ใน 10 มีปัญหาใช้สารเสพติด หรือมีปัญหาสุขภาพจิตถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายด้วย
          อย่างไรก็ตาม โรคสมาธิสั้นถือเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ควรได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หากพบควรนำไปปรึกษาแพทย์ทันที เพราะหากปล่อยไว้อาจกลายเป็นทุกข์ของพ่อแม่ที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กในระยะยาวได้
          พ่อแม่จ๋าอย่านิ่งดูดาย
          หากพบลูกน้อยมีลักษณะซนอยู่ในข่ายของ "โรคสมาธิสั้น" หมอแนะว่า พ่อแม่ไมควรนิ่งเฉยรีบนำไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับยามากินและควบคุมการใช้ยาอย่างใกล้ชิด
          พร้อมกันนี้พ่อแม่เองควรฝึกทักษะด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น จัดมุมสงบเพื่ออ่านหนังสือ หรือถ้าเด็กทำการบ้านควรฝึกให้เด็กทำให้เสร็จ โดยการมีรางวัลเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจ เป็นต้น
          ขณะเดียวกัน พ่อแม่เองต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตน การตีหรือการลงโทษทางร่างกายกับเด็กที่เป็นโรคนี้จะไม่ได้ผล และเด็กจะมีอารมณ์โกรธหรือแสดงพฤติกรรมต่อต้านและก้าวร้าวมากขึ้น
          หากพบว่าลูกหลานมีอาการเหล่านั้นโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือ 1667 หรือสอบถามที่สายด่วนวัยรุ่นของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชครินทร์ 02-248-9999 หรือดูในเว็บไซต์ www.smartteen.net หรือที่แฟนเพจของสถาบันฯ http://facebook.com/smartteen ตลอด 24 ชม.