เข้าช่วงเทศกาลกินเจ หลายคนเลยยกให้เวลา 10 วันต่อจากนี้เป็นฤกษ์งามยามดี พาร่างกายเข้าคอร์สล้างพิษหรือดีท็อกซ์ร่างกายเสียเลย จริงอยู่ที่การดีท็อกซ์มีส่วนดีตรงที่ร่างกาย ได้ดื่มน้ำและรับประทานผักผลไม้ในปริมาณมากกว่าปกติ แต่สำหรับบางคนที่ถืวิธีสุดโต่งอย่างรับประทานแต่ผลไม้อย่างเดียวต่อเนื่อง 2-3 วัน และดื่มแต่น้ำเปล่านั้น อาจจะต้องระวัง เพราะแทนที่ดีท็อกซ์จะเป็นเรื่องดีกับร่างกาย อาจตีกลับส่งเรื่องร้ายๆ มาให้คุณแทน
          มีคุณหมอจากออสเตรเลีย ระบุว่า ในร่างกายของคนเราเองนั้นมีระบบล้างพิษอยู่แล้วตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นตับ ไต และผิวหนัง ซึ่งอย่างหลังจะช่วยป้องกันและกำจัดพิษจากสิ่งแวดล้อมในเบื้องต้น ดังนั้น สาวคนไหนที่ใช้วิธีดีท็อกซ์ แบบสุดเหวี่ยงแทนระบบธรรมชาติ นอกจากจะเกินความจำเป็นแล้ว ยังอาจทำให้ระบบล้างพิษของร่างกายสูญเสียความสมดุลอีกด้วย
          ด้วยเหตุนี้ ต่อให้ผลไม้ชนิดนั้นจะมีคุณสมบัติดีต่อร่างกาย "เทพ" ขนาดไหนก็ไม่ควรเลือกกินเพียงอย่างเดียวติดต่อกันหลายวัน เพราะนั่นอาจทำให้มีปริมาณน้ำตาลสะสมในร่างกายสูงอย่างไม่รู้ตัว แถมร่างกายก็ยังไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่ร่างการเลย
          บางคนที่ดีท็อกซ์ด้วยการดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว โดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเมื่อเข้าวันที่ 2ร่างกายจะเริ่มกระบวนการเผาผลาญที่เรียกว่าการกินตัวเอง เพราะไม่มีคาร์โบไฮเดรตเข้าสู่ร่างกายจนสมองทำงานได้ช้าลง อารมณ์เสียง่าย และไม่มีสมาธิในการทำงานกลายเป็นว่า แทนที่ร่างกายจะได้พักผ่อนกลับต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม แถมทำให้รู้สึกเพลียแทน
          แล้วอย่างนี้ควรทำอย่างไร?
          ดีท็อกซ์ได้ แต่อย่าทำแบบสุดโต่ง คนที่ทำดีท็อกซ์แล้วรู้สึกดี สบายตัวนั่นเกิดจากการที่เขาได้ดื่มน้ำในปริมาณมาก และยังได้กินผลไม้สดๆ มากกว่าปกติ ดังนั้น จึงควรเดินทางสายกลาง ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบถ้วน เพียงแต่อย่าให้อิ่มเกินไป เหลือท้องไว้สำหรับผลไม้กองโต
          นอกจากนี้ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ล้วน แต่ควนกินผลไม้สดๆ เพราะยังได้คุณค่าจากกากใย เปลือก หรือเมล็ดจากผลไม้ ถ้าเลือกกินแต่น้ำอย่างเดียวก็อาจจะเหลือน้ำตาลกับวิตามินเบาบางเท่านั้น และควรดื่มน้ำในระหว่างวันให้มากๆ หรือจัดปริมาณให้ตัวเองกินอาหารมีประโยชนสัก 80% และ 20% สำหรับส่วนที่อยากรีแลกซ์ตามใจปากแค่นี้ก็จะมีความสุขกับการกินได้อย่างง่ายๆ แล้ว