สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับน้องหนู คือโรคมือ เท้า ปาก เห็นเฉพาะชื่อไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร และเกิดจากเชื้อโรคอะไร
          โรคนี้มักเกิดในเด็ก มีการระบาดจากเด็กกัมพูชา แล้วระบาดเข้ามาในประเทศไทย
          เอกสารเผยแพร่โรคนี้ระบุว่า มีอาการเป็นตุ่มที่มือ ที่เท้า และใน ช่องปาก เกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 เคยระบาดมาแล้วในต่าง ประเทศ แม้ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่ทำให้เป็นอัมพาต
          ศาสตราจารย์ นายแพทย์สมศักดิ์ ชาญเลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยชี้แจงว่า โรคมือ เท้า ปาก ไม่ใช่โรคใหม่ จึงไม่ต้องวิตกมาก บ้านเรามีโรคนี้อยู่แล้ว พบผู้ป่วยเด็กตลอดทั้งปี อัตราการเสียชีวิตน้อยมาก ถ้าดูแลเรื่องความสะอาด หมั่นล้างมือ ไม่เอามือไปจับตา ปาก หรือจมูก ก็ไม่น่ามีปัญหา ผู้ใหญ่จะเป็นพาหะได้ จึงต้องตระหนักว่าอาจไปสัมผัสน้ำลายลูกหลานที่เป็นโรคนี้ต้องหมั่น ล้างมือก่อนไปสัมผัสเด็กคนอื่น
          การป้องกันโรคนี้ เนื่องจากโรคนี้ติดต่อทางการสัมผัส หากไม่ไป สัมผัสกับผู้ป่วยก็ไม่เป็นอะไร หรือติดเชื้อ เพราะเชื้อออกมาทางปาก อุจจาระ ตุ่มที่มือ และเท้า หากไม่ไปสัมผัสก็ไม่ติดโรค ต้องระวังเด็กที่ ป่วยเป็นโรคนี้น้ำลายจะยืด หากเด็กไปสัมผัสแล้วเอามือที่เปรอะเปื้อนน้ำลายนั้นเข้าปากเข้าจมูกก็ติดโรคนี้ได้
          เมื่อเด็กป่วยเป็นโรคนี้ ต้องระวังและพาไปหาแพทย์ อย่าให้เด็กคลุกคลีกับเด็กด้วยกัน หากเด็กมีไข้สูงควรระวังโรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ โรคมาลาเรีย และโรคไข้สมองอักเสบ
          ตามข่าวเห็นว่า โรคนี้ระบาดเข้าไปในหลายโรงเรียน และกระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงสาธารณสุขพยายามให้โรงเรียนที่มีเด็กป่วยด้วยโรคนี้ปิดเรียน ทำความสะอาดของเล่น และบริเวณโรงเรียน แต่มีบางโรงเรียนไม่ยอมปิดเรียน ด้วยเหตุผลบางประการ ขณะที่ศาสตราจารย์ นายแพทย์สมศักดิ์ก็บอกด้วยว่า เด็กหลายคนอาจเคยเป็นโรคนี้มาก่อน แต่ไม่แสดงอาการ เชื้อก่อโรคของเราส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อคอกซากี ซึ่งอาการไม่รุนแรง เด็กอาจมีไข้ในตอนเย็นและกลางคืน ประมาณ 3 วัน อาการจะหายไป กินอาหารไม่ได้ 3-4 วันแรก และมีแผลในปาก อาจ เป็นอยู่หลายวัน มีตุ่มขึ้นที่มือและเท้า
          เขาว่าโรคนี้มีอิทธิพลสูงมาก แม้แต่โรงเรียนประถมสาธิตจุฬาฯ ซึ่ง เข้ายากเข้าเย็น ขนาดทั้งสอบทั้งฝากก็ยังเข้าไม่ได้ แต่โรคนี้เข้าไปได้ แถมยังมีฤทธิ์ให้ต้องปิดโรงเรียนอีกแน่ะ
          ว่าถึงโรคภัยไข้เจ็บต่อเนื่องมาสองสามครั้ง วันนี้มีหนังสือแนะนำเรื่องอาหารการกินมาให้อ่านกันเล่มหนึ่ง ชื่อ 20 ร้าน กินกันโรค ผู้เขียนคือ เจษฎา พาชิม เป็นหนังสือในชุด มติชน เฮลท์แคร์ผู้เขียนบอกไว้ในจากใจผู้เขียนว่า ร้านอาหารเพื่อสุขภาพล้วนต้องการให้คนที่เข้าไปรับประทานสุขภาพดี มีความสุข รวมทั้งกลับออกมาด้วยรอยยิ้ม
          "จากการตระเวน "กิน" อาหารเพื่อสุขภาพมาหลายสิบแห่งใน ระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผมได้ทราบแนวคิดของร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่มองเห็น "อาหารเพื่อสุขภาพในมิติที่หลากหลาย" แตกต่างกันไป จนได้ข้อสรุปว่า แต่ละแนวคิดไม่มีสิ่งใดผิดหรือถูก อาจเรียกได้ว่าเป็น"เสรีภาพ" ที่ผู้รักสุขภาพสามารถเลือกให้เข้ากับจริต ความคิด และความเชื่อของตนเองได้" เจษฎา พาชิม เขาว่าอย่างนั้นกุญแจสำคัญของอาหารเพื่อสุขภาพดี ต้องเป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย มีคุณภาพ สด ใหม่ ปลอดสารพิษ ทั้งต้องเป็นอาหารที่ ย่อยง่าย รวมทั้งไม่ก่อสารพิษในระบบย่อยอาหาร และผัก-ผลไม้ คือแนวทางสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีในโลกยุคใหม่
          20 ร้าน กินกันโรค สุขภาพดีที่คุณเลือกได้พร้อมสูตรทำกินเอง ราคา 280 บาท สี่สีแพรวพราว
          อีกเล่มหนึ่งเป็นเรื่องอาหารการกินที่คนไทยทุกคนทุกวัยต้องสัมผัสข้าวแกงเด็ด 77 จังหวัด หลากหลายข้าวแกงขั้นเทพทั่วไทย เผยสูตรเด็ด แผนที่สู่ความอร่อย สีสี่ทั้งเล่ม โดยผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ทั่วประเทศ ราคา 120 บาท พกติดรถไปได้ทุกแห่งเพื่อประกัน ความผิดหวัง