จากกรณีนิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดัง "ฆ่าตัวตาย" ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงสังคมมากทีเดียว เพราะในเนื้อหาข่าว ระบุว่า เธอผิดหวังจากการทำศัลยกรรม แต่เมื่อข่าวออกไป ญาติฝ่ายหญิงก็ออกมาชี้แจงทันทีว่า สาเหตุไม่ได้เกิดจากการทำศัลยกรรม
          แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ หากภาวะก่อนที่นำไปสู่การจบชีวิตลงทั้งที่อายุยังน้อยและอนาคตยังไปได้อีกไกลของเธอนั้น เกิดจากภาวะ "จิตตก"
          นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลมนารมย์ อธิบายคำว่า "จิตตก" ในทางการแพทย์ว่า คำนี้เป็นคำที่ใช้พูดกันเพื่อบรรยายอาการของคนที่ประสบกับความเครียด ความกดดัน เป็นระยะเวลายาวนาน หรืออาจจะเกิดจากความกดดันที่เกิดขึ้นในระยะที่ไม่ยาวนาน แต่มีความรุนแรงสูง โดยจะมีอาการเกิดขึ้นเป็นลำดับ
          "เบื้องต้นมักจะเกิดจากการคาดว่า เกรงว่า สิ่งที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น จะมีความเสียหายเกิดขึ้น คิดว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ คิดว่าจะล้มเหลว ทำให้เกิดอาการวิตกกังวล ได้แก่ อาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยอาหารปั่นป่วน เป็นต้น
          "ระยะถัดมา เมื่อทราบถึงผลของเหตุการณ์แล้วว่าไม่ได้ผลอย่างที่คิด ไม่สำเร็จ ก็จะเกิดอาการผิดหวัง ท้อแท้ ซึมเศร้า ได้แก่ อาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ คิดช้า ไม่มีกำลังใจ รู้สึกตัวเองไร้คุณค่า ในรายที่อาการรุนแรง อาจจะมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ อยากฆ่าตัวตาย ในบางรายที่มีอาการรุนแรง ก็อาจจะมีอาการทางจิตร่วมด้วย เช่น หูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ทั้งกับตนเองและผู้อื่น"
          นพ.ไกรสิทธิ์ให้ข้อสังเกตว่า เนื่องจากคนเราไม่สามารถรู้ได้ว่าภาวะจิตตกจะเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ เมื่อไหร่ ดังนั้น ทางที่ดีจึงควรทำความรู้จักวิธีการรับมือกับภาวะจิตตกเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ เช่น เพิ่มภูมิคุ้มกันโดยการลดระดับความเครียดในแต่ละวันไม่ให้เกิดการสะสม พยายามหาเวลาเพื่อพักกายและพักใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะหลงลืมไป
          "การพักกาย คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอ นอกจากนี้ในแต่ละวัน เราควรที่จะมีเวลาออกกำลังกายเพื่อยืดเส้นยืดสายลดความเครียด และช่วยให้ฮอร์โมนเอ็นโดรฟินส์ ในสมองซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้คนเรารู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขหลั่งออกมา ส่วนพักใจก็ควรทำเป็นประจำ ถ้าทำได้ทุกวันก็จะเป็นการดี ทำได้โดยทำงานอดิเรกที่ชอบทำแล้วมีความสุข สมองได้พักผ่อน เพื่อช่วยให้อารมณ์ลบในแต่ละวันถูกถ่ายเทออกไป ไม่สะสม จิตใจก็จะผ่องใส สามารถรับแรงกดดันในชีวิตได้ดีขึ้น เกิดภาวะจิตตกยากขึ้น"
          สำหรับคนที่ตกอยู่ในภาวะจิตตก การที่จะผ่านภาวะนี้ไปได้ก็ต้องอาศัยทักษะ 4 ประการ คือ
          1.เชื่อมั่นว่าจะผ่านพ้นปัญหาไปได้ เพราะการเชื่อมั่นว่าปัญหาจะมีทางออกในที่สุด จะช่วยให้มีกำลังใจต่อสู้ต่อไปได้
          2.มีความสามารถมองเห็นข้อดีหรือข้อบวกของสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไปได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน จึงจะทำได้ดี
          3.มองปัญหาและการวางแผนแก้ไขแบบเป็นขั้นตอน แล้วจัดการแก้ไขไปทีละขั้นทีละเปลาะ เพราะการทำการแก้ไขได้สำเร็จทีละขั้นจะช่วยให้เกิดความมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จในที่สุด
          4.สำหรับคนที่พยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองแล้วยังไม่สำเร็จ อาจจะต้องอาศัยตัวช่วย คือ ความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ซึ่งก็ได้แก่ เพื่อนสนิทหรือญาติผู้ใหญ่ ในการช่วยมองปัญหา ให้คำปรึกษาแนะนำ
          ชีวิตมีคุณค่ามากมายนัก เรียนรู้ที่จะรักตัวเองและรักผู้อื่น เชื่อว่าไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรผ่านเข้ามา ก็จะผ่านพ้นไปได้