|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 05/07/2555 ] |
|
|
|
|
3อ.....วัคซีนชีวิต... สร้างได้ด้วย'มือเรา' |
|
|
|
|
นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ข้อมูล Real time ของสถาบันวิจัย"ข้ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล แสดงตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตนับแต่ต้นปี 2555 มีสาเหตุจากโรคหัวใจ 16,391 คน โรคหัวใจขาดเลือด 16,846 คน โรคเส้นเลือดในสมองแตก 12,748 คน และโรคเบาหวาน 11,838 คน" (ข้อมูล มอนิเตอร์ประเทศไทย ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2555)
เนื่องจากเป็นตัวเลขการมอนิเตอร์แบบ Real time แสดงว่า คงไม่หยุดอยู่ที่ตัวเลขดังกล่าวข้างต้น
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือโรควิถีชีวิต อันมีสาเหตจากพฤติกรรมสุขภาพและผลกระทบจากสภาพแวดล้อม ซึ่งนับวันจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ต้องสูญเสียค่าใช้จายในการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
เมื่อปี 2551 โดยแบ่งเป็นโรคเบาหวาน 3 ล้านคน เป็นเงิน 47,596 ล้านบาท
โรคความดันโลหิตสูง 10 ล้านคน เป็นเงิน 79,263 ล้านบาท
โรคหัวใจ 4 ล้านคน เป็นเงิน 154,846 ล้านบาท โรคหลอดเลือดสมอง 5 แสนคน เป็นเงิน 20,632 ล้านบาท
โรคไต 30,000 คน เป็นเงิน 6,000 ล้านบาท รวมจำนวนผู้ป่วย 17.5 ล้านคน ใช้งบประมาณทั้ง 5 โรค เป็นเงิน 308,337 ล้านบาท (ข้อมูล: สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข)
ภัยคุกคามสุขภาพของคนไทยอันนำมาสู่การเจ็บป่วย พิการ เสียชีวิต และจำนวนที่เพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพและการสูญเสียทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ มีสาเหตุจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้อง
การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน มัน เค็ม มากเกินไป กินผักและผลไม้น้อย ขาดการออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน อ้วน และการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันใน 5 โรค คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ หลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง
คำถามคือ เราจะลดปัญหาและความรุนแรงของโรคเหล่านี้ได้อย่างไร
กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบงานด้านสุขภาพของคนไทย ได้กำหนดมาตรการ ออกนโยบายสาธารณะ และอีกสารพัดกลยุทธ์ เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนไทยได้หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพของตนเอง
เพราะการแก้ไขปัญหาโรคอันเกิดจากพฤติกรรมที่ดีที่สุดคือการปรับพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้อง ลดภาวะเสี่ยงให้น้อยที่สุดและเป็นไปตามครรลองแห่งวิถีชีวิตแบบไทยไทย
จากประสบการณ์การทำงานกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ทั้งในฐานะผู้ปฏิบัติ ผู้เชื่อมประสานและผู้บริหาร ผู้เขียนได้เสนอแนวทางในการทำงานและสิ่งที่จะนำพาความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมโรค โดยยึดหลักการและกลวิธีเช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาโรคขาดสารอาหารในเด็ก เมื่อครั้งอดีต นั่นคือ ต้อง "กัดติดเกาะติด" งานแก้ไขปัญหาเด็กขาดสารอาหารโปรตีนและพลังงานในอดีต ใช้การคัดกรอง เฝ้าระวัง การตรวจสุขภาพเด็กโดยการชั่งน้ำหนัก หากพบต้องมีการแก้ไขโดยให้เพิ่มสารอาหารที่จำเป็นประเภท เนื้อ นม ไข่ ต้องติดตามชั่งน้ำหนักอย่างต่อเนื่องทุกเดือนในกรณีเป็นโรคขาดสารอาหารชนิดรุนแรง และใช้ "บัตรโภชนาการ"ให้พ่อแม่ ใช้แลก นม ไข่ ข้าว ถั่ว งา กับร้านค้าในชุมชน ให้เด็กกิน จนกว่าเด็กจะเข้าสู่ภาวะ ปกติ
แต่สำหรับ/โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน เป็นโรคที่เกิดจากการ กิน "เกิน"กิน "ไม่ถูกต้อง" และ "ขาด" สิ่งที่ควรทำ นั่นคือ เมื่อกินแล้วไม่เผาผลาญและสร้างความทนทนและยืดหยุ่นให้กับร่างกายด้วยการออกกำลังกาย อันตรายจึงตามมา
แนวทางของการป้องกันและควบคุม จึงต้องใช้การ "เกาะติด กัดติด" โดยต้องคัดกรองโดยการตรวจสุขภาพเพื่อหาภาวะเสี่ยงในกลุ่มคนอายุ 15 ปีขึ้นไป และแบ่งกลุ่มเพื่อการติดตามและให้ความรู้ในการดูแลตนเอง ประกอบด้วย กลุ่มคนปกติ กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วย การจัดกลุ่มจะเป็นประโยชน์ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ และตัวชาวบ้านเอง เพราะจะทำให้รู้สถานะด้านสุขภาพและโรคของตัวเอง
ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านจะไม่รู้สถานการณ์ของตัวเอง การจัดระดับของอาการป่วยโดยแบ่งเป็นสีตามไฟจราจร เขียว เหลือง แดง เปรียบเสมือน "จราจรชีวิต" จะช่วยให้ "หมอ" กับ "ชาวบ้าน" สื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ
เมื่อเข้าใจเรื่องสี ต้องชี้แจงและทำความเข้าใจด้วยว่า แต่ละสี หมายถึงมีอาการป่วยระดับใด ต้องปรับพฤติกรรมอย่างไรให้ตัวเองลดระดับลงมาอยู่ในกลุ่มคนปกติได้ในที่สุด และคนปกติจะต้องมีสุภขาพแข็งแรง ไม่ละเลย 3 อ. "วัคซีนชีวิต" จนทำให้เป็นโรค
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข จะออกมาตรการหรือแนวทางมากมายเพียงใด คงไม่ประสบความสำเร็จ หากขาดความร่วมมือจากตัว "เรา" เอง เพราะสิ่งที่ดีที่สุดคือการ "สร้างภูมิคุ้มกัน" หรือ "วัคซีนชีวิต" ให้กับตัวเอง โดยการปรับพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3 อ. ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรควิถีชีวิต
อ.อาหาร กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ถูกต้องและพอเพียง ลดหวาน มัน เค็ม เพิ่มผักผลไม้ให้ได้ครึ่งหนึ่ง งดบุหรี่ สุรา และสารเสพติด รักษารูปร่างไม่ให้อ้วน
อ.ออกกำลังกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอให้ได้สัปดาห์ละ 3 วัน วันละอย่างน้อย 30 นาที ตามวิถีชีวิต หรือรูปแบบที่ท่านสนใจ เช่น การวิ่ง การเต้นแอโรบิก ฯลฯ
อ.อารมณ์ ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเบิกบาน สวดมนต์ ไหว้พระ หรือปฏิบัติศาสนกิจ ตามหลักศาสนา
ดังนั้น "คำตอบ" ของการลดปัญหาความรุนแรงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนกลยุทธ์และมาตรการของรัฐ แต่ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จอยู่ที่ "ท่าน" ผู้เป็น "เจ้าของ" สุขภาพ หากต้องการให้ตัวเองอายุยืนอย่างมีคุณค่า ต้องลงมือสร้าง "วัคซีนชีวิต" ด้วยมือท่านเอง...เดี๋ยวนี้!... |
| | |
|
| |