HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 06/07/2555 ]
เตรียมแก้กฎคุมโรงกลั่น บางจากเยียวยาชาวบ้าน

กทม.ประชุมร่วม 5 ชุมชนรอบโรงกลั่นบางจากเตรียมแผนอพยพหากเกิดเหตุซ้ำ ตร.ตั้ง 3 ปมบึ้ม อุบัติเหตุ-ประมาท-จงใจ กรมโรงงานฯเล็งแก้กฎตรวจสอบโรงกลั่น-อุตฯขนาดใหญ่เพิ่มความถี่ 10 ครั้งต่อปี
          กรอ.เล็งตรวจโรงกลั่นเข้มขึ้น
          นายประพัฒน์ วนาพิทักษ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม กรณีโรงกลั่นน้ำมัน บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)เลขที่ 210 ซอยสุขุมวิท 64 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เกิดเหตุระเบิดและไฟลุกไหม้บริเวณหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่3 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า กรอ.ได้สั่งให้หยุดกิจการชั่วคราวเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วันเพื่อปรับปรุง หากปรับปรุงเรียบร้อยจะสั่งเปิดตามปกติ หากปรับปรุงไม่ทันภายใน 30 วัน สามารถต่อเวลาออกไปได้อีก แต่หากไม่สามารถแก้ไขให้เป็นปกติ กรอ.สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 39 วรรค 3 สั่งปิดกิจการและยึดใบอนุญาตคืน
          นายประพัฒน์กล่าวว่า ในภาพรวมของเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ แม้จะแก้ไขได้เร็วและมีแผนฉุกเฉินการตรวจสอบโรงกลั่นทั้งระบบเสนอ กรอ.ทุกเดือนและ กรอ.จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจปีละ 4-5 ครั้ง
          ตามกฎหมาย แต่หลังจากนี้ กรอ.จะปรับปรุงระบบตรวจสอบใหม่ทั้งหมด โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจทุกจุดของโรงกลั่นที่เป็นระบบทำงานเป็นการตรวจที่ครอบคลุมและเข้มงวดขึ้น
          "หากพบว่าวัสดุหรืออุปกรณ์ใดสามารถปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนได้ จะเสนอให้ดำเนินการเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในอนาคต ขณะที่แผนระยะยาวจะเพิ่มความถี่ในการเข้าตรวจสอบเป็นประมาณ 10 ครั้งต่อปี โดยแผนการทั้งหมดจะใช้กับทุกโรงกลั่นและโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่หากเกิดอุบัติเหตุจะมีผลต่อประชาชนรอบพื้นที่และระบบเศรษฐกิจประเทศ" นายประพัฒน์กล่าวและว่า นอกจากนี้ จะพิจารณาระเบียบของกรอ.ทั้งหมด เพื่อดูว่าสามารถปรับแก้กฎระเบียบใดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะกฎระเบียบบางส่วนอาจล้าสมัยแล้ว
          คาดต้องทำตามประกาศใหม่
          นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การหยุดซ่อมบำรุงของบางจากในช่วงเวลา 30 วัน เมื่อครบกำหนด คาดว่า ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดให้โรงงานต้องจัดทำรายงานประเมินความเสี่ยงจะมีผลบังคับใช้ เพราะอยู่ระหว่างเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงนาม ซึ่งจัดทำภายหลังเกิดอุบัติเหตุโรงงานระเบิดในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประกอบด้วย 4 เรื่อง คือ1.ความเสี่ยงของการเกิดเพลิงไหม้ ระเบิด โดยโรงงานจะเป็นผู้วิเคราะห์จุดเสี่ยง จุดอันตราย2.การวิเคราะห์ความเสี่ยงในภาพรวม โดยวัดจากโอกาสและอันตราย โรงงานและประชาชนในพื้นที่ร่วมทำแผนดังกล่าว 3.แนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวของโรงงาน และ 4.แผนฉุกเฉินที่จะเข้มงวดขึ้น
          "บางจากถือเป็น 1 ใน 900 โรงงานที่เข้าข่ายปฏิบัติตามประกาศกระทรวงฉบับดังกล่าวอย่างเข้มงวด ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเข้าข่ายต้องปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวมีประมาณ2,600 แห่งทั่วประเทศ เป็นโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานที่มีวัตถุอันตรายในครอบครอง" นายวิฑูรย์กล่าว และว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำหนังสือถึงบริษัท บางจากฯ ขอความร่วมมือจัดทำพื้นที่แนวกันชนเพิ่มเติม เพราะเบื้องต้นพบว่า ยังมีพื้นที่เหลืออยู่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ทั้งนี้การทำแนวกันชนไม่ใช่ข้อบังคับจากทางภาครัฐแต่ต้องเป็นความสมัครใจของโรงงาน
          3ฝ่ายร่วมหาสาเหตุระเบิด
          นายประสงค์ นรจิตร์ ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า การตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงของเหตุระเบิดและเพลิงไหม้โรงกลั่นบางจากจะดำเนินการภายในสัปดาห์หน้า เพราะต้องตรวจสอบร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ บางจาก กรอ. และบริษัทเอกชน ที่เป็นอิสระและเป็นกลาง
          ด้านเจ้าหน้าที่บริษัท บางจากฯ ได้นำสื่อมวลชนเข้าดูสภาพความเสียหายของหน่วยกลั่นแยกน้ำมันหน่วยที่ 3 ที่เกิดเหตุไฟไหม้ โดยหอแยกก๊าซถูกเผาไหม้ไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ บริษัทหยุดกระบวนการผลิตทั้งหมด และมีการกั้นบริเวณที่เกิดเหตุโดยรอบ ทั้งนี้ ยังมีกลิ่นก๊าซที่ยังค้างอยู่ในท่อคลุ้งทั่วบริเวณ
          จัดช่างซ่อมแซมบ้านเสียหาย
          นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของบริษัทเข้าไปตรวจหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ที่เกิดเพลิงไหม้แล้วเพื่อเตรียมซ่อมแซม เบื้องต้นพบว่า ต้องเปลี่ยนหน่วยกลั่นใหม่ โดยจะสั่งในประเทศไทยและจะรีบดำเนินการติดตั้งภายใน2-3 เดือน สำหรับแผนการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมาบางจากได้ส่งทีมผู้บริหารและพนักงานรวม100 คน ลงไปสำรวจพื้นที่บริเวณชุมชนรอบพื้นที่โรงกลั่น จากการสำรวจพบว่ามีบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหาย 50 หลังความเสียหายคือ ประตูรั้วพังเป็นบางส่วน กระจกหน้าต่างแตก หลังคาบ้านที่มุงด้วยกระเบื้องแตก
          "บางจากได้ส่งทีมช่างที่จัดจ้างมาจากบริษัทรับซ่อมแซมบ้านและพนักงานจากหน่วยซ่อมบำรุงรวม 10 ชุด เข้าไปซ่อมแซมที่อยู่อาศัยของประชาชน และเร่งซ่อมแซมให้เสร็จภายในวันที่6 กรกฎาคม" นายอนุสรณ์กล่าว
          สำรวจบ้านเรือนที่ได้เสียหาย
          ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายมวลชนสัมพันธ์บริษัทบางจากฯ ได้พาสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบพื้นที่ชุมชนข้างโรงกลั่นน้ำมันบางจากริมถนนทางรถไฟสายเก่า แขวงบางจาก เขตพระโขนง พบบ้านเรือนได้รับความเสียหายเกือบ10 หลัง ส่วนใหญ่พบว่ากระจกหน้าต่างแตกฝ้าเพดานพังเสียหาย หลอดไฟและข้าวของภายใน
          บ้านแตกเสียหายบางส่วน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ไปนำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณหมู่บ้านพูนสิน ซอยสุขุมวิท 66 แขวงบางจาก พบบ้านของนางปรุงโหงทอง อายุ 79 ปี เลขที่ 1851 เป็นบ้านเดี่ยวปลูกด้วยไม้ 2 ชั้น ได้รับความเสียหายบริเวณกระจกหน้าต่างแตก
          นางปรุงกล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ทางบริษัทบางจากฯ ไม่มีการประชาสัมพันธ์หรือเสียงตามสายเลยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร มีผลกระทบร้ายแรงแค่ไหน หรือต้องอพยพกันหรือไม่จึงอยากให้ทางโรงงานดูแลเรื่องดังกล่าวด้วย
          กทม.ทำแผนอพยพ5ชุมชน
          ที่ศาลาว่าการ กทม. นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพระโขนง ประชุมร่วมกับคณะกรรมการชุมชน 5 ชุมชน ใกล้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ได้แก่ 1.ชุมชนหน้าวัดบุญรอดธรรมาราม 2.ชุมชนหลังวัดบุญรอดธรรมาราม3.ชุมชนหน้าโรงเรียนบางจาก 4.ชุมชนเล็กเที่ยงและ 5.ชุมชนข้างโรงกลั่น ที่มีกว่า 100 ครอบครัวตัวแทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.)กทม. บริษัท บางจากฯ
          ต่อมานางศิลปสวยให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมได้หารือเบื้องต้นในการทำแผนอพยพกรณีเกิดเหตุซ้ำโดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว รวมทั้งจัดทำแผนอพยพให้มีความชัดเจนและครอบคลุม ตลอดจนขอให้มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยในส่วนของการทำแผนอพยพนั้น สปภ.กทม.จะเป็นผู้รับดำเนินการจัดทำแผน ส่วนการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น บริษัทบางจากฯ จะให้ความช่วยเหลือกับประชาชนทันที โดยหน่วยงานของ กทม.จะทำหน้าที่ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
          กรมควบคุมโรคไม่พบผู้ป่วย
          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดจากโรงกลั่นน้ำมันบางจากระเบิดว่า ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นถือว่าไม่น่าเป็นห่วงมาก เพราะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงและอันตรายที่จะเกิดขึ้นอยู่ โดยขณะนี้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลอากาศ ส่วนคร.จะมีทีมสอบสวนโรค เพื่อติดตามเฝ้าระวังและสื่อสารความเสี่ยงกับประชาชนในพื้นที่ โดยขณะนี้ยังไม่พบว่า มีผู้ป่วยหรือได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
          "สารที่เกิดจากการระเบิดได้ลอยตัวขึ้นสูงทำให้เกิดการฟุ้งกระจายและเจือจางเร็ว หากยิ่งมีฝนตกลงมาจะทำให้เกิดความเจือจางเร็วขึ้น" นพ.สุวรรณชัยกล่าว
          ตำรวจตั้งสาเหตุ3ประเด็น
          ด้าน พ.ต.ท.รุ่งชาติ รุ่งทอง รอง ผกก.สน.พระโขนง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปยังพื้นที่จุดเกิดเหตุ เนื่องจากอุณหภูมิร้อนมาก ทางเจ้าหน้าที่ยังต้องรอการติดต่อจากบริษัทว่า พื้นที่เกิดเหตุมีความปลอดภัยแล้ว จึงจะประสานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของบริษัทเพื่อหาสาเหตุ คาดว่า1-2 วันนี้จะเข้าไปตรวจสอบได้
          "พนักงานสอบสวนตั้งข้อสันนิษฐานเหตุที่เกิดขึ้นไว้ 3 ข้อ 1.อุบัติเหตุ 2.ความประมาท และ3.เหตุจงใจ โดยยังไม่ตัดประเด็นใดออกไป" พ.ต.ท.รุ่งชาติกล่าว
          พล.ต.ต.อภิรัตน์ ปรักกะมักกุล ผู้บังคับการ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) กล่าวว่าชุดทำงานของ พฐก.ได้แต่เก็บรายละเอียดเบื้องต้นภาพถ่ายโดยรอบโรงกลั่น และแบบแปลนขอโรงกลั่นมาเท่านั้น ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจเก็บรายละเอียดในจุดที่ระเบิดได้ โดยรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทบางจากฯ ว่ายังไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ต้องรอจนกว่าสภาพพื้นที่จะพร้อม คาดว่าอีก 1-2 วันจะเข้าไปได้ จากนั้นจึงจะตรวจพิสูจน์ถึงสาเหตุระเบิดได้


pageview  1205844    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved