วิมลิน dek-dee2554@hotmail.com
"เกมเหมือนยาเสพติด มีกลไกทำให้เสพติดเหมือนการติดยาเสพติด" ประโยคนี้ไม่เกินจริง ยืนยันได้จากพญ.ปราณี เมืองน้อยกุมารแพทย์-จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) อธิบายว่า ภาวะดังกล่าว ทำให้สมองเกิดการเปลี่ยนแปลงกลไกการทำงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองทำให้คนเราเกิดความสุข สนุกสนาน เกิดความพึงพอใจ โดยมีระบบประสาทหลายส่วนทำงานร่วมกันเป็นวงจร เรียกว่า "ศูนย์แห่งความพึงพอใจ"จึงต้องเสียเวลาในการบำบัดอย่างมากมาย มีโอกาสที่จะเลิกแล้วติดใหม่ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนติดยาเสพติดที่ต้องเข้าๆ ออกๆ สถานบำบัดยาเสพติดหลายๆ รอบ
เกมหรือยาเสพติดที่ได้รับเปรียบเหมือนสิ่งเร้าที่เข้าไปในสมองกระตุ้นกลไกภายในศูนย์แห่งความพึงพอใจ สมองจะหลั่งสารเคมีที่สร้างความพึงพอใจออกมามากกว่าสิ่งเร้าตามธรรมชาติถึง 2-10 เท่า สมองก็จะเริ่มจดจำความเพลิดเพลินสุดสุดแบบนี้ อยากวิ่งหาความสุขแบบนี้เรื่อยๆ จนถอนตัวไม่ขึ้น นานๆ ไปสมองเริ่มชาชิน ก็จะเรียกร้องมากขึ้นว่า แรงกระตุ้นจากสิ่งเร้าแค่นี้ไม่พอจะสร้างความเพลิดเพลินเท่าเดิม ก็จะส่งสัญญาณบอกเจ้าของร่างกายให้ไปหาสิ่งเร้าที่แรงขึ้น เจ้าตัวก็จะเริ่มทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ระดับความเพลิดเพลินหรือความสุขนั้น ไม่ว่าจะเป็นการหาเกมที่เร้าใจขึ้นเรื่อยๆ หรือเพิ่มเวลาเล่น
จนต้องอุทิศเวลาของตัวเอง ไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน ไม่ยอมคุยกับใคร สุขภาพและทักษะทางสังคมก็จะเริ่มแย่ แถมกลายเป็นคนที่หาความสุขจากสิ่งรอบตัวยาก เนื่องจากความสุขจากสิ่งรอบตัว เช่น ความอร่อยของอาหาร การพูดคุยกับคนอื่นๆ เป็นแค่สิ่งเร้าตามธรรมชาติ ซึ่งสร้างแรงกระตุ้นประสาทน้อยกว่ายาเสพติดหรือเกมหลายเท่า คนที่ติดจึงเริ่มแยกตัว ถอนตัวจากกิจกรรมเดิมที่ตัวเองเคยชอบ ไปติดเกมจนถอนตัวไม่ขึ้น อารมณ์ก็จะเริ่มไม่ดีโดยเฉพาะหากโดนขัดขวางการเล่น
เห็นได้ว่า เกมไม่ผิดกับยาเสพติด ฉบับหน้าเรามาติดตามกันต่อ ว่าทำไมเด็กจึงติดเกม