|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 30/12/2563 ] |
|
|
|
|
ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ปลอดโรค-ปลอดภัยปีใหม่ 2564 |
|
|
|
|
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และมูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์การเดินทางปลอดภัยในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2564 ภายใต้คาถา ปลอดโรคปลอดภัย "ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ"นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. กล่าวว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ยังอยู่ในภาวะของการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สธ.มีความห่วงใยประชาชนที่จะเดินทางกลับบ้าน หรือเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ได้อยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่นและมีความสุข โดยเฉพาะเรื่องอุบัติเหตุจะพบมากขึ้นจากช่วงปกติ ข้อมูลช่วงเทศกาลปีใหม่ย้อนหลัง 5 ปี พบผู้เสียชีวิต 2,526 คน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการดื่มแล้วขับ ซึ่งข้อมูลปี 2562-2563 ที่ สธ.ร่วมกับ ตร.ได้ดำเนินการตรวจแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุ พบว่า ผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกฎหมายกำหนด คือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถึงร้อยละ 54.66 ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สูงถึงร้อยละ 39.53
"ปีนี้ สธ.ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายรณรงค์ให้ประชาชนร่วมรับผิดชอบ ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ อย่างเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง และยังร่วมกับ ตร.ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ตรวจแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุทุกราย ห้ามการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี กรณีตรวจพบจะให้มีการสืบกลับไปยังร้านค้าที่ฝ่าฝืน และจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ เตรียมแนวทางให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คัดกรองสังเกตอาการคนเมาที่ด่านชุมชนและคัดกรองป้องกันโรคโควิด-19 ด้วย เพื่อช่วยสกัดกั้นคนเมาไม่ให้ออกไปสู่ท้องถนน" นายสาธิตกล่าวสำหรับความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข นายสาธิตกล่าวว่า ได้ให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมความพร้อมศูนย์รับแจ้งเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน 1669 ทั่วประเทศ ชุดปฏิบัติการทั่วประเทศ ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ เอกชน และโรงพยาบาลต่างๆ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
"นอกจากนี้ ได้จัดอบรมวิธีการประเมินสภาวะการมึนเมาแก่ อสม. พัฒนาศักยภาพ อสม.จิตอาสา เรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้มีทักษะการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุฉุกเฉินบนท้องถนนอย่างถูกวิธี ก่อนส่งต่อให้บุคลากรทางการแพทย์หรือส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอย่างปลอดภัย ลดการเสียชีวิตหรือความพิการลงได้ และขอให้ อสม.ช่วยเป็นหูเป็นตา สอดส่อง เฝ้าระวังร้านค้าในชุมชนไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมาย และนำความรู้ในการดูแลและป้องกันอุบัติเหตุจากแอพพลิเคชั่นสมาร์ท อสม. ส่งต่อสู่ชุมชนด้วยการเคาะประตูบ้านหรือสื่อสารผ่านผู้นำชุมชนและสื่อในชุมชน เทศกาลปีใหม่นี้ ยังอยู่ในสถานการณ์โรคโควิด-19 นอกจากนี้ ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม แล้ว ให้ยึดหลักการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด การ์ดอย่าตก สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และลงทะเบียนไทยชนะเมื่อไปสถานที่ต่างๆ" นายสาธิตกล่าวนพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รอง สธ. กล่าวว่า ในช่วง 7 วันเทศกาลปีใหม่ 2563 มีผู้บาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล 29,545 ราย เฉลี่ยวันละ 4,220 ราย สูงกว่าช่วงปกติ ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ สธ.ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Emergency Operation Center: EOC) ที่ส่วนกลางและระดับจังหวัด เป็นศูนย์ประสานและสนับสนุนการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ได้เตรียมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับแล้ว 8,255 หน่วย รถปฏิบัติการฉุกเฉิน 20,338 คัน และผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินรวม 164,795 คน เพิ่มบุคลากรมากขึ้นจากเดิม ร้อยละ 120-130 เตรียมพร้อมห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องไอซียู และระบบส่งต่อ จัดหน่วยกู้ชีพระดับพื้นฐาน และหน่วยปฏิบัติการระดับสูง ประจำบนเส้นทางถนนสายหลักที่มีจุดตรวจ/จุดบริการอยู่ห่างกันมาก กรณีบาดเจ็บ/เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถรับบริการที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงแรก ตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP) ซึ่งบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขได้อุทิศตน ทุ่มเท เสียสละ และเต็มใจทำงานโดยไม่มีวันหยุด
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ร่วมกับ ตร. ได้จัดทำโครงการขับขี่ปลอดภัย มั่นใจไร้แอลกอฮอล์ โดยกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก สนับสนุนค่าตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดให้ทุกราย ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 เพื่อนำผลตรวจไปประกอบสำนวนคดีตามกฎหมาย
"ปัญหาดื่มแล้วขับยังมีแนวโน้มเป็นปัญหาต่อเนื่อง ยังพบร้านค้ากระทำความผิดกฎหมาย จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาล จึงขอให้ประชาชนเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องดูแลผู้กระทำผิดกฎหมาย ทั้งการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี การจำหน่ายในสถานที่ต้องห้าม เช่น ปั๊มน้ำมัน สถานที่ราชการ สถานศึกษา ศาสนสถาน สวนสาธารณะ การขายสุราในเวลาที่ห้ามขาย 2 ช่วงเวลา คือหลังเวลา 24.00-11.00 น. และเวลา 14.00-17.00 น. การเร่ขาย และการโฆษณาหรือส่งเสริมการขาย (ลด แลก แจก แถม) ให้แจ้งได้ที่ศูนย์ร้องเรียนบุหรี่และสุรา โทร 0-2590-3342 หรือสายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุน บริการสุขภาพ กล่าวว่า อสม.กว่า 1.05 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นเครือข่ายสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย ทำงานใกล้ชิด กับประชาชน เชื่อมประสานเจ้าหน้าที่และเครือข่ายต่างๆ ในชุมชนได้เป็นอย่างดี โดย สธ., ปภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้อบรมให้ความรู้ในการประเมินและคัดกรองคนเมาเบื้องต้น ณ ด่านชุมชน เพื่อสกัดกั้นคนเมาในชุมชนไม่ให้ขับขี่พาหนะ ให้กับประธานชมรม อสม. ระดับจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำความรู้ไปสื่อสาร และถ่ายทอดให้กับ อสม.ในพื้นที่ เน้นย้ำให้เฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมาย ป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมทั้งได้พัฒนาทักษะการเป็นจิตอาสาด้านการแพทย์และสาธารณสุข สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นและทักษะการทำซีพีอาร์ พร้อมช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤต
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว ผู้ขับขี่ที่บาดเจ็บรุนแรงไม่สามารถเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ขับขี่ส่งสถานพยาบาลทำการเจาะเลือดภายใน 6 ชั่วโมง (หากเกิน 6 ชั่วโมงปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจะลดต่ำลง) และส่งตัวอย่างตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไปยังห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ศูนย์พิษวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข และส่วนภูมิภาค ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ สมุทรสงคราม ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา และตรัง โดยจะทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่อง Gas Chromatography (Headspace GC-FID) ซึ่งให้ได้ผลที่เที่ยงตรงและแม่นยำ และได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 15189 และ ISO/IEC 17025 สำหรับช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2564 ซึ่งได้มีการกำหนดวันควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563-วันที่ 4 มกราคม 2564 ห้องแล็บกรมวิทยาศาสตร์ฯ พร้อมดำเนินการตรวจวิเคราะห์ให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง
"นอกจากนี้ ห้องแล็บอ้างอิงทางการแพทย์และสาธารณสุข ได้สอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ซึ่งควรผ่านการสอบเทียบตามรอบระยะเวลาทุก 6 เดือน โดยกรมวิทยาศาสตร์ฯ จะมีใบรับรองผลการสอบเทียบและติดสติ๊กเกอร์รับรองไว้ที่ตัวเครื่อง และหากห้องแล็บพบว่าเครื่องมีค่าความผิดพลาดเกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนดจะทำการปรับตั้งค่าใหม่ เพื่อให้เครื่องสามารถตรวจวัดค่าปริมาณแอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการวัดที่ถูกต้องแม่นยำ และใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้" นพ.ศุภกิจกล่าว
ส่วน นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า สพฉ.ได้เตรียมความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน มีบุคลากรในระบบกว่า 57,000 คน พร้อมให้บริการผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน อุบัติเหตุทางถนน โดยมีศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 รวม 80 ศูนย์ ครอบคลุมทุกจังหวัด พร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง และมีชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษ (Special Covid-19 Operation Team: SCOT) ที่ผ่านการอบรมออกปฏิบัติงานรับ-ส่งผู้ป่วยติดเชื้อ หรือสงสัยว่าจะติดเชื้อโควิด-19 รับสั่งการจากศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัด 1669 ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน นอกจากนี้ ได้พัฒนาชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับพื้นฐานพิเศษ (BLS) และชุดปฏิบัติการฉุกเฉินระดับต้นพิเศษ (FR) 1,800 คน ใน 54 จังหวัดทั่วประเทศ ที่พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง
หากเจ็บป่วยฉุกเฉิน บาดเจ็บที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายถึงชีวิต หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต เช่น หัวใจหยุดเต้น เส้นโลหิตสมองตีบหรือแตก ที่เสี่ยงต่อความพิการ รวมทั้งพบเห็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โควิด-19 โทรแจ้งขอความช่วยเหลือที่ สายด่วน 1669 หรือใช้แอพพ์ EMS 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง |
| | |
|
| |