วิวัฒนาการทางด้านการแพทย์ในปัจจุบันมีความก้าวหน้ามากในการรักษาโรคต่างๆ หากแต่โรคทางใจที่เกิดจากความเครียด ความบกพร่องทางสมองนั้น การเยียวยาอาจจะไม่ใช่แค่การทานยาเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะต้องรักษาควบคู่กับการบำบัดเฉพาะทางให้กับผู้ป่วยแต่ละคนไป
          "ธรรมชาติ" จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา นั่นคือการใช้ "วารีบำบัด"หรือ "ธาราบำบัด" (Hydrotheraphy or Aqua Theraphy) นำคุณสมบัติของน้ำมาใช้ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกาย อารมณ์ ความคิด และความรู้สึกทางใจ อีกทั้งยังทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลได้อีกด้วย
          องค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย มีเป้าหมายในการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ได้ร่วมกับศูนย์พัฒนาการศึกษาเพื่อลูกหญิงและชุมชน หรือศูนย์ลูกหญิง ศูนย์พัฒนาที่ให้ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชน ตลอดจนสตรีและครอบครัวที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิดในทุกรูปแบบ ได้ทดลองนำเอา "วารีบำบัด" มาปฏิบัติกับเยาวชนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
          "สมภพ จันทรากา" ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการศึกษาเพื่อลูกหญิงและชุมชน เล่าถึงความเป็นมาการนำวารีบำบัดมาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดต่างๆ ว่า เด็กทุกคนมีกระทบทางใจกันหมด สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการพึ่งพิงทางจิตใจ เคยพาไปพบกับจิตแพทย์และให้ทานยา ปรากฏว่าไม่ได้ผล สุดท้ายจึงลองใช้ธรรมชาติมาช่วย ปรากฏว่าได้ผลและสุดท้ายก็มาลงตัวที่น้ำ เด็กๆ ที่มีโอกาสสัมผัสน้ำ ความเครียดต่างๆ ที่ถูกสะสมก็ผ่อนคลายและเริ่มสนุกกับการเล่นน้ำ จึงได้ศึกษาการบำบัดโดยน้ำอย่างจริงจัง การบำบัดด้วยน้ำมีรากฐานมาจากประเทศเยอรมนี ที่มีความเชื่อว่าน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย และสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นการผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด กำจัดของเสียออกจากร่างกาย ลดอาการปวดเกร็ง ต่อมามีการพัฒนาเทคนิคของการใช้น้ำในการรักษาในรูปแบบต่างๆ
          "เราใช้วิธีการบำบัดด้วยน้ำมาเกือบ 10 ปีแล้ว สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเด็กๆ จากเดิมที่เคยเป็นคนซึมเศร้า ไม่พูดจากับใคร เก็บตัว ก็เริ่มพูดคุยมากขึ้น เห็นความแจ่มใส กล้าที่จะสนทนา มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น เห็นแบบนี้จึงคิดว่ามาถูกทางแล้ว จึงเพิ่มจำนวนในการฝิกเด็กมากขึ้น และเริ่มส่งเด็กไปว่ายน้ำแข่งขัน เพื่อที่จะฝิกให้เขาได้เริ่มกล้าแสดงออก ผลตอบรับคือการที่เด็กได้รับการฝิกฝนจากวารีบำบัดสามารถเป็นนักกีฬาว่ายน้ำอันดับหนึ่งในจังหวัดเชียงรายติดต่อกันนานกว่า 5 ปี และเริ่มขยายผลจากกลุ่มเล็กจนกลายเป็นกลุ่มใหญ่มากขึ้น จนในขณะนี้ทางศูนย์มีนักกีฬาว่ายน้ำตัวน้อยกว่า 400 ชีวิตแล้ว"
          ขณะที่ นางมหา คิวบาร์รูเบีย ผู้อำนวยการองค์การแพลน อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย บอกว่า ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจในทางที่ดีขึ้นของเด็กๆ จึงอยากให้การบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติเหล่านี้เป็นต้นแบบของการนำไปสู่กระบวนการพัฒนาการบำบัดด้านอื่นๆ ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงของเด็กๆ ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพในตัวของเด็กๆ มากขึ้น
          น้องหมวย (นามสมมุติ) เด็กชนเผ่าไร้สัญชาติ อายุ 12 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วมอบรมและผันตัวเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ บอกถึงการเข้ารับวารีบำบัดว่า แต่ก่อนเป็นคนขี้อาย ไม่มีเพื่อน โดนเพื่อนๆ ในห้องล้อเรื่องไม่มีสัญชาติ ไม่อยากไปเรียน ทำให้เกรดออกมาไม่ดี และยังเป็นโรคปอดบวมอีก ภายหลังมาเรียนว่ายน้ำ ได้เล่นน้ำกับเพื่อน ได้คุยเล่นกันมากขึ้นจนมีเพื่อนเยอะขึ้น ทำให้รู้สึกกล้าที่จะคุยกับคนอื่นมากขึ้น อยากไปโรงเรียนมากขึ้น เพราะมีเพื่อน จากเดิมที่ได้เกรดไม่ค่อยดี ตอนนี้ได้เกรดเฉลี่ย 4 และโรคปอดบวมหายที่สำคัญได้เป็นนักกีฬาของจังหวัด รู้สึกว่าภูมิใจตัวเองมาก
          สูงสุดคืนสู่สามัญของวิทยาการทาง การแพทย์กับ "วารีบำบัด" ที่ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ