เมื่อวันที่22 พฤษภาคม นพ.วิบูลย์ กมลพรวิจิตร หัวหน้าส่วนสูตินรีแพทย์สาขาผ่าตัดส่องกล้อง ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาล (รพ.) บีเอ็นเอช แถลงว่า การทำหมันถาวรเป็นวิธีที่ทั่วโลกรณรงค์ให้ทำกัน เพื่อคุมจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งถือเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ดี ทำให้ไม่ต้องใช้ยาฮอร์โมน ในขณะที่ไข่ยังคงตกปกติและสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ปกติ ซึ่งขณะนี้ รพ.บีเอ็นเอช เริ่มนำเทคโนโลยีการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติในโพรงมดลูก (Hysteroscopy) เข้ามาใช้ทำหมันในสตรี ถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดและเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และแห่งที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทำหมันแบบไม่ต้องเปิดแผลหน้าท้อง หรือเรียกว่า "การทำหมันไร้แผล" (Hysteroscopic Sterilization) ซึ่งเจ็บน้อยไม่มีแผลให้เห็น และมีระยะพักฟ็นสั้นมากหรืออาจไม่จำเป็นต้องพักฟ็นก็ได้
          "วิธีการผ่าตัดไร้แผลนี้เป็นการส่องกล้องผ่านช่องคลอดเข้าไปในโพรงมดลูก โดยไม่ต้องผ่าตัดแพทย์สามารถมองเห็นภายในผ่านกล้องได้ถึง 180 องศา จากนั้นแพทย์จะนำโลหะคล้ายลวดสปริง ทำจากไทเทเนียมและนิกเกิล เรียกว่า "ESSURE" ความยาวประมาณ 2 นิ้ว ซึ่งติดไปกับปลายกล้องเข้าไปอุดที่ท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้าง ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 5 นาที ไม่ต้องวางยาสลบ เพราะเจ็บน้อยมาก แต่ในคนไข้บางรายที่กลัวเจ็บจะขอให้วางยาสลบหรือยาชาก็มี หลังจากทำหมันแล้วเสร็จใช้เวลาพักฟ็นประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถกลับบ้าน หรือไปทำงานได้ตามปกติ" นพ.วิบูลย์กล่าว และว่า จากนั้นประมาณ 3 เดือน ลวดสปริงจะขยายตัวกลายเป็นพังผืด ทำให้ท่อนำไข่ตีบตัน ถือเป็นการทำหมันแบบถาวร เพราะอสุจิและไข่ไม่สามารถพบกันได้ ดังนั้นผู้หญิงที่จะทำหมันจึงต้องมั่นใจว่าไม่ต้องการมีบุตรอีก เพราะไม่สามารถแก้ไขได้
          นอกจากนี้ นพ.วิบูลย์กล่าวอีกว่า ผู้ที่ทำหมันด้วยวิธีนี้สามารถทำได้ทุกวัย แต่ต้องทำหลังหมดประจำเดือนในระยะแรก เพราะเป็นช่วงที่ผนังมดลูกบาง มองเห็นท่อนำไข่ได้ง่าย และในช่วง 3 เดือนที่รอให้เกิดพังผืด ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย