|
|
|
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 30/04/2563 ] |
|
|
|
|
คนกรุงเทพฯและเมืองนนท์ รักแล้วรอหน่อย |
|
|
|
|
บางกอกเกี้ยน
bangkokian@matichon.co.th
ตามกำหนด วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือนเมษายน หรือวันของกำหนดของประกาศภาวะฉุกเฉินช่วงแรก ที่ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ มีแต่กรุงเทพมหานครประกาศยืดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงวันนี้ โลกสองวัยส่วนประกาศอื่นๆ เช่น "ยืด" ระยะเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนหรือไม่ น่าจะทราบกันตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 28 เมษายน 2563 บางกอกเกียนbangkokian@matichon.co.th ซึ่งเป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี มีรายงานว่าที่ประชุมหารือเบื้องต้นจะขยายออกไปก่อนไม่ต่ำกว่า 1 เดือน และยังคง "เคอร์ฟิว" ต่อเนื่องไปอีก
สำหรับการผ่อนปรนบางอาชีพให้มีรายได้ นายกรัฐมนตรีให้แนวทางว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นให้พิจารณาผ่อนผันกิจกรรมที่ประชาชนสามารถประกอบอาชีพบางประเภทได้เพื่อให้มีรายได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขหารือกับผู้ประกอบการ ร้านค้า จังหวัดไหนที่ไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ผ่อนปรนบางอาชีพ แต่ให้ผ่อนคลายทีละนิด เช่น ตลาดนัด และให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาผ่อนผัน เช่น ยานพาหนะที่จำเป็นในการขนส่งเพื่อประกอบอาชีพ เป็นต้น
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยังไม่มีการหารือถึงการขยายเวลาพระราชกำหนดฉุกเฉิน ซึ่งหากจะขยาย นายกรัฐมนตรีต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนครบกำหนดวันที่ 30 เมษายน หากเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศก่อนแล้วจึงนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายหลัง
ขณะที่นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 แถลงถึงความจำเป็นของพระราชกำหนดฉุกเฉินฯ ว่า ยังมีความจำเป็นในสถานการณ์นี้ คณะรัฐมนตรีจะได้หารือกันในวาระถัดไป
"ส่วนการจะผ่อนคลายต้องมีมาตรการออกมาก่อน โดยมอบหมายให้หัวหน้าส่วนราชการไปหารือกับผู้ประกอบการ และเสนอว่าจะมีมาตรการควบคุมอย่างไร ให้ดูแลกลุ่มอาชีพครอบคลุมรวมถึงการพิจารณาเรื่องสถานที่ จะจัดระเบียบอย่างไรให้ปลอดภัย โดยทยอยทำกับจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ ให้ผ่อนคลายตามมาตรการ" โฆษก ศบค.กล่าว และว่า
รวมถึงศึกษาจากต่างประเทศที่มีการผ่อนคลายว่ามีขั้นตอนการดำเนินอย่างไร เรียนรู้แล้วปรับใช้จัดสมดุลให้เหมาะสม ระหว่างปัญหาการแพร่ระบาดและปัญหาเศรษฐกิจ จะเน้นหนักไปทางใดทางหนึ่งไม่ได้
ขณะที่เน้นย้ำด้วยว่า กรณีหลายบริษัทเริ่มให้พนักงานทยอยกลับเข้าทำงานจะเสี่ยงการติดโควิด-19 หรือไม่ว่า เสี่ยงแน่นอน ขณะนี้โรคยังไม่หายไปจากโลกนี้ ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเรา ทั่วโลกยังเป็นสีแดง ส่วนไทยเรา "ซีล" ตัวเองไว้ไม่ให้คนติดโรคเดินทางมาเข้ามา
"เรื่องสุขภาพต้องมาก่อน เราพยายามคุมประเด็นทุกประเด็น การออกมาจำนวนมากพร้อมกันจะเหลื่อมเวลากันได้หรือไม่ เพราะต้องอยู่กับโรคนี้อีกนาน แต่เชื่อว่าเราคุมได้" นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว
ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน มอบหมายให้ นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ เฉพาะการแก้ปัญหาการระบาดโรคโควิด-19 ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า
จากการหารือทุกฝ่ายเห็นตรงกัน ต้องมีการเปลี่ยนผ่านวิกฤตโควิด-19 แต่ไม่ได้กลับไปเหมือนเดิมทุกประการ โดยต้องมีเงื่อนไขบางประการ เพื่อทำเป็นมาตรการระดับประเทศ
นายแพทย์คำนวณกล่าวถึงมาตรการ 4 ประการคือ 1.มาตรการด้านสาธารณสุขยังต้องทำอย่างเข้มข้น คือการเดินทางเข้าไทยต้องมีใบรับรองแพทย์ มีประกันสุขภาพ และต้องถูกกักตัว 14 วัน 2.คนไทย สังคม องค์กร ต้องสร้างข้อตกลงว่า จะปฏิบัติตามสุขลักษณะที่ถูกต้อง ออกมายังที่สาธารณะต้องสวมหน้ากากอนามัย การใช้ชีวิตอยู่ห่างกัน การชุมนุมต้องงด 3.ภาคธุรกิจการเปิดดำเนินการต้องแบ่งเป็นความเสี่ยง และ 4.ต้องจัดให้มีระยะห่าง เช่น ร้านตัดผม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ต้องไม่มีการรวมกลุ่ม
คนกรุงเทพฯ และเมืองนนท์ คงต้องรอนานหน่อยอย่างน้อย เป็นสองจังหวัดทีหลังเพื่อนนะครับน้องหนู |
| | |
|
| |
|
pageview 1205102 |
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO) ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th | | |
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved
|
| |