HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 21/04/2563 ]
สธ.เล็งชงปลดล็อกดาวน์ แนะควรเริ่มในจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมออกมาตรการเข้ม 5 ข้อ ป้องกันโควิด-19 ก่อนเสนอปลดล็อกดาวน์กิจกรรมบางส่วน ร้านอาหาร ร้านตัดผม สวนสาธารณะ แนะควรเริ่มในจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ
          นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ อดีตนายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เตรียมออกมาตรการคุ้มครองด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนเสนอปลดล็อกกิจกรรมบางส่วนโดยเฉพาะที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยอาจจะทดลองนำร่องตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. ใน 3-4 จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ ซึ่งขณะนี้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทยและสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กำลังร่วมกันวางแผนที่จะหาแนวทางในการเปลี่ยนผ่านหลังสถานการณ์คลี่คลาย
          ขณะนี้ภาคธุรกิจกำลังร่วมกันประเมินสถานการณ์ว่ามีกิจการใดที่มีความเสี่ยงสูงหรือเสี่ยงต่ำ เพื่อดำเนินแก้ไขก่อนที่จะมีมาตรการผ่อนคลาย สำหรับกิจการที่มีความเสี่ยงต่ำ ยกตัวอย่าง ร้านอาหาร ร้านตัดผม สวนสาธารณะส่วนกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจต้องปิดยาวคือ สถานบันเทิง ผับ คลับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบการที่มีกิจการทางเพศทั้งทางตรงทางอ้อม รวมถึงสถานเล่นพนัน สนามมวย สนามบอล และสถานที่ที่มีความคับแคบแออัด
          การผ่อนคลายมาตรการนั้นจะพิจารณาจากจังหวัดที่มีสถานการณ์คลี่คลายก่อน เริ่มจากกลุ่มแรก 32 จังหวัดที่ไม่มีการแพร่เชื้อในรอบ 2 สัปดาห์ โดยจะดำเนินการเป็นการนำร่อง 3-4 จังหวัดในช่วงปลายเดือน เม.ย. หลังจากนั้น 2 จังหวัดจะดำเนินการกับกลุ่มต่อมาอีก 38 จังหวัดที่มีการติดเชื้อประปรายในช่วงกลางเดือน พ.ค. และที่เหลืออีกจะผ่อนปรนมาตรการในช่วงต้นเดือน มิ.ย.
          สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาผ่อนคลายมาตรการนั้นจะดูจากองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ความหนาแน่นของคน เพราะหากมีความหนาแน่นมากก็จะมีความเสี่ยงสูง, กิจกรรมที่มีคนเข้าไปตะโกนเชียร์ที่ทำให้มีการแพร่กระจายเชื้อจากสารคัดหลั่ง, สถานที่ที่มีความแออัดคับแคบ อากาศถ่ายเทไม่ดี และการจัดระยะห่างทางสังคม ทั้งนี้ภาคธุรกิจจะไปพิจารณาแนวทางแก้ไข หากกิจกรรมใดที่มีความเสี่ยงสูงก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
          ทั้งนี้ จากการประชุมร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการ จากใน-นอกกระทรวงสาธารณสุขรวมทั้งผู้แทนคณบดีจากคณะแพทย์ ทุกฝ่ายเห็นตรงว่าควรมีการเปลี่ยนผ่านจากวิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน ไปสู่มาตรการสร้างความสมดุลทางการประกอบอาชีพและความปลอดภัยในการใช้ชีวิต โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญ คือ
          1. หน่วยงานด้านสาธารณสุข ต้องเพิ่มความเข้มข้นมาตรการตรวจคัดกรองคนติดเชื้อในประเทศ เข้มงวดกับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมีการกักเฝ้าสังเกตอาการ 14 วันในสถานที่ที่กำหนด การค้นหาผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ในชุมชนแออัด
          2. คนไทยทุกคน ทุกชุมชน ทุกสังคม ต้องร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการสุขลักษณะ ล้างมือสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อออกจากบ้าน การมีระยะห่างทางกาย งดการชุมนุม กลุ่มเสี่ยงยังควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน
          3. ภาคธุรกิจ ต้องประเมินความเสี่ยงและปรับการดำเนินการให้มีความเสี่ยงต่ำ เช่น มาตรการตรวจวัดไข้ เว้นระยะห่างทางกายการทำความสะอาดมือ การลดจำนวนผู้คนที่มาติดต่อให้บริการ
          4. การปิดบริการหรือกิจการที่มีความเสี่ยงสูง เป็นแหล่งแพร่ระบาดได้แก่ สถานบันเทิงผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบริการทางเพศทั้งตรงและแฝง สนามการพนัน ต้องปิดในระยะยาว สำหรับการปิดกิจการในอนาคต ควรใช้วิธีปิดแบบจำเพาะที่เป็นปัญหา และคงความเข้มข้นของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
          5. มีระบบเฝ้าระวังตรวจจับและคาดการณ์ความรวดเร็วของการแพร่ระบาดในระดับพื้นที่และระดับประเทศ เป็นการเตือนและเพิ่มมาตรการหรือผ่อนคลายมาตรการตามบริบทของแต่ละจังหวัดและมีการเฝ้าระวังโดยภาคประชาชน อสม. ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงมาตรการเบื้องต้นที่สามารถปรับได้


pageview  1204946    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved