HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 09/04/2563 ]
กักตัวเองสกัดโควิด-19

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ย้ำมาตรการ "กักตัวเอง" ของผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19
          นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย มีจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร พร้อมทั้งออกมาตรการที่เข้มข้น และขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่บ้าน เพื่อลดการสัมผัสเชื้อ ส่วนผู้ที่เข้าข่ายต้องกักตัวเอง หลักๆ มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ 1.ผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง และ 2.ผู้เดินทางมาจากเขตติดโรคติดต่ออันตรายทุกคน ผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคอย่างต่อเนื่องหรือพื้นที่พบผู้ป่วย จึงย้ำว่าการ "กักตัวเอง" เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคนี้ได้ ซึ่งประชาชนจะได้ไม่เป็นทั้งผู้แพร่เชื้อและผู้รับเชื้อ
          การกักตัวเองจะใช้เวลาประมาณ 14 วัน (ระยะฟักตัวของโรค) ซึ่งกรมควบคุมโรคได้เผยแพร่ข้อมูล "How to...คุมไว้สังเกต ณ ที่พักอาศัยและแนวทางปฏิบัติ" เพื่อให้ผู้ที่ต้องกักตัวเองปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ป่วยและผู้สูงอายุ 2.หยุดเรียนหรือทำงาน รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ 3.ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชู่ทุกครั้งที่ไอ จาม หากไม่มีกระดาษทิชชู ให้ใช้ต้นแขนด้านในหรือข้อศอกตัวเองแทนสิ่งสำคัญคือห้ามไอจามใส่ฝ่ามือตัวเอง 4.ห้ามกินอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น รวมถึงควรแยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน ผ้าห่ม แก้วน้ำ เป็นต้น 5.สวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างจากผู้อื่น 1-2 เมตร 6.แยกห้องนอน 7.ทำความสะอาดที่พักและของใช้ 8.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และสุดท้าย 9.ทิ้งหน้ากากอนามัยหรือกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วให้ถูกวิธี โดยทิ้งในถุงพลาสติก ปิดถุงให้สนิท มิดชิดก่อนทิ้งลงถังขยะที่ปิดมิดชิดและล้างมือด้วยสบู่และน้ำนานประมาณ 15-20 วินาที หรือแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไปทันที
          นอกจากกักตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำด้วยคือ การสังเกตอาการตัวเอง โดยการวัดอุณหภูมิร่างกายของตัวเองและจดบันทึกไว้เป็นประจำทุกวัน หากมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ และหายใจเหนื่อยหอบ หรือมีอาการป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรพบแพทย์ทันที และแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทราบ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน โทร 1422


pageview  1204947    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved