HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 24/03/2563 ]
หนีกรุงแห่กลับตจว. สธ.เต้นกำชับผู้ว่าฯรับมือเข้ม

 แรงงานไทย-ต่างด้าว เกือบแสนเริ่มคืนถิ่น
          คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติทำหนังสือด่วนถึงผู้ว่าฯทุกจังหวัดจัดตั้ง ทีมอาสาโควิด-19 รับมือคนเดินทาง กลับภูมิลำเนา หลัง"ล็อกดาวน์" กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทำให้บรรดาลูกจ้างห้างร้านแห่หนีกลับต่างจังหวัด ครวญไม่มีรายได้-กลับบ้านดีกว่าไม่อดตายแน่สวนกับคำเตือนสธ.อย่าเดินทางเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ ส่วนทุกสถานีขนส่งวางมาตรการคัดกรองเข้มมีไข้สูงเกิน 37.5 ให้งดเดินทาง-กลับที่พักสังเกตอาการ มท. ชงปิดด่านถาวรทั่วประเทศ 18 ด่าน ขณะที่บรรยากาศตามห้างสรรพสินค้าเงียบ-คนโหรงเหรง
          คนแห่กลับภูมิลำเนา
          เมื่อวันที่ 22 มี.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร (กทม.) และผู้ว่าราชการจังหวัดในส่วนของปริมณฑล มีประกาศปิดสถานบริการต่าง ๆ เพื่อให้คนออกจากบ้านน้อยลง ลดการเคลื่อนที่ของประชาชนและลดโอกาสการแพร่เชื้อในช่วง 3 สัปดาห์ว่าจากการปิดสถานบริการต่าง ๆ มีแนวโน้มว่าจะทำให้ประชาชนของกทม. ที่มีแรงงาน คนทำงาน มีการเคลื่อนย้ายออกไปส่วนภูมิภาคส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายตัวโรคไปด้วย คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยขอให้ดำเนินงาน ดังนี้ 1.จัดตั้งทีมอาสาโควิด-19 ระดับอำเภอและหมู่บ้านเพื่อดำเนินการค้นหาและเฝ้าระวัง 2.จัดทำฐานข้อมูลของผู้เดินทางกลับจาก กทม. และปริมณฑล ที่มาถึงภูมิลำเนาตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.เป็นต้นไป
          แนะแยกตัว-สังเกตอาการ
          3.ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ผู้เดินทางกลับจาก กทม.และปริมณฑล เพื่อ แยกตัวสังเกตอาการไข้ทุกวันหลีกเลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักอาศัยจนครบ 14 วันนับจากวันที่เดินทางมาถึงภูมิลำเนา 4.แจ้งผู้เดินทางกลับ จาก กทม.และปริมณฑล ปฏิบัติตามคำแนะนำเคร่งครัด คือไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่นไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการพูดคุยใกล้ชิดผู้อื่นโดยเฉพาะสูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง และหากมีไข้อาการทางเดินหายใจให้สวมหน้ากากอนามัย และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที
          คัดกรองมีไข้-งดเดินทาง
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติยังทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสนามบินดอนเมืองและผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ โดยขอให้ทำความสะอาดยานพาหนะทั้งรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ สถานีรถไฟ เครื่องบินทุกลำก่อนและหลังเดินทาง เก็บบันทึกข้อมูลชื่อ นามสกุลและหมายเลขโทศัพท์ของผู้โดยสารเพื่อติดตามสอบถาม คัดกรองผู้โดยสารก่อนออกเดินทางจาก กทม. และปริมณฑล หากพบมีไข้ อาการทางเดินหายใจ ขอให้งดเดินทาง และแนะนำให้กลับไปพักเพื่อเฝ้าระวังสังเกตอาการหากอาการไม่ดีขึ้นให้ไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
          บขส.เข้ม! วัดอุณหภูมิถี่
          ทางด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ออกประกาศปิดสถานที่ต่าง ๆ คาดว่าจะมีประชาชนบางส่วนเดินทางกลับภูมิ ลำเนาในต่างจังหวัดโดยระบบขนส่งสาธารณะตนจึงสั่งการให้ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของประชาชนภายในประเทศดำเนินการ ดังนี้ 1. ให้สแกนอุณหภูมิประชาชนก่อนเข้าไปในบริเวณอาคารที่พักผู้โดยสาร 2.ให้ทำสแกนอุณหภูมิครั้งที่สองสำหรับผู้โดยสารก่อนเข้าไปในยานพาหนะ 3. ให้สแกนอุณหภูมิผู้โดยสาร ผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนเมื่อจะออกจากอาคารที่พักผู้โดยสาร
          เกิน37.5องศาฯส่งสธ.ทันที
          4.ในกรณีที่พบว่ามีประชาชน หรือ ผู้โดยสาร หรือผู้ปฏิบัติงานมีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ให้ส่งตัวบุคคลให้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามระเบียบกฎหมายต่อไป 5.การจำหน่ายตั๋วเดินทาง และการจัดที่นั่งบนยานพาหนะให้เว้นระยะห่างตามประกาศกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข 6.แนะนำให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยและแว่นตาตลอดการเดินทาง และ 7.สรุปรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงคมนาคมทุกวัน ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติมาตรการดังกล่าวโดยเคร่งครัดตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.เป็นต้นไป
          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถ คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะทุกโหมดเดินทางทั้งบก น้ำ ราง และอากาศได้แต่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปตัวเลขที่ชัดเจนในแต่ละวันให้ทราบแล้ว
          ผู้โดยสารเพิ่มวันละ1หมื่น
          ส่วน นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20-21 มี.ค.ที่ผ่านมา กระแสการเดินทางของผู้โดยสารที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในเส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ  (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติที่มาซื้อตั๋วเดินทางกลับในเส้นทาง จ.ตาก จ.มุกดาหาร จ.นครพนม และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งภาพรวมมีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 1 หมื่นคนจากปกติ 6-7 หมื่นคนต่อวัน เป็น 7-8 หมื่นคนต่อวัน
          กลับบ้านมีกิน-ไม่อดตาย
          ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ว่าเป็นไปอย่างคึกคัก ภายหลังมีประกาศให้ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง หยุดกิจการชั่วคราว ทำให้บรรดาลูกจ้างรายวัน ต่างพากันเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนนายกิตติศักดิ์ อายุ 25 ปี เปิดเผยว่า ตนเองทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊ก อยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นคน จ.มุกดาหาร รับเงินเป็นรายวัน เมื่อทางร้านปิด ตนจึงต้องกลับบ้าน เพราะอยู่ที่กรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายสูง อย่างน้อยกลับบ้าน ทำไร่ ทำสวน ตกเบ็ด ตกปลา ก็ยังมีกินไม่อดตาย
          รถไฟคนเดินทางน้อยลง
          ขณะที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่าหลังจากกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑลมีคำสั่งปิดสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.-12 เม.ย. นี้ ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ผู้โดยสารเดินทางลดน้อยลงกว่าปกติโดยมีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 10-15% ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 70,000 คน อย่างไรก็ตามเมื่อดูข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าผู้โดยสารเดินทางลดน้อยลงอย่างต่อเนื่องโดยวันที่ 17 มี.ค. ผู้โดยสารอยู่ที่ 55,948 คน วันที่ 18 มี.ค. ผู้โดยสาร 53,043 คน วันที่ 19 มี.ค. ผู้โดยสาร 49,788 คน วันที่ 20 มี.ค. ผู้โดยสาร  51,011 คน และวันที่ 21 มี.ค. ผู้โดยสาร  29,873 คน
          ห้างเงียบ-คนโหรงเหรง
          ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ห้าง สรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาบางนา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา หลังมีคำสั่งให้ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ปิดบริการ โดยเปิดเฉพาะ ซูเปอร์มาร์เกต และร้านขายยา โดยบริเวณ ชั้นล่างของห้างดังกล่าว ซึ่งเป็นโซนซูเปอร์ มาร์เกต ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ซึ่งทางห้างได้ปิดโซนที่ให้ลูกค้านั่งรับประทาน และให้สั่งกลับบ้านเพียงอย่างเดียว ทำให้บริเวณที่นั่งมีพนักงานของกลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี่ อาทิ แกร็บ ไลน์แมน เก็ท และฟู้ดแพนด้า มารอรับออร์เดอร์ผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในส่วนของโซนซูเปอร์มาร์เกต พบว่าประชาชนมาจับจ่ายซื้อของกันบางตา สินค้าต่าง ๆ ที่ยังวางเต็มชั้นวาง และช่องจ่ายเงินที่คิวไม่แน่นเหมือน วันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ย่านประตูน้ำที่คนมาใช้บริการเงียบเหงาเหมือนกัน
          ประชุมรับมือคนแห่กลับ
          นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีคนแห่ออกจากพื้นที่กทม.ไปยังต่างจังหวัดจำนวนมากว่า เป็นเรื่องที่ตอนนี้คงห้ามอะไรยากแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกรมก็ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ตรวจสอบติดตามไปแล้ว อยู่ที่ว่าจังหวัดไหนจะมีความเข้มข้นแค่ไหน แต่ที่อยากจะขอร้องคือ คนที่เดินทางกลับต่างจังหวัดไปแล้ว ก็ขอให้หยุดอยู่กับบ้านจริง ๆ อย่าออกไปไหน ขอให้แยก ชามช้อน แยกของใช้ส่วนตัวกับคนในบ้านด้วย
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ในวันที่  23 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการรับมือกรณีที่ประชาชนแห่กลับต่างจังหวัดจำนวนมาก
          ปิดด่านถาวรทั่วประเทศ
          ที่ทำเนียบรัฐบาลผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย ได้มีการเสนอเรื่องปิดด่านชายแดนทั้งหมดทั่วประเทศเดิมอนุโลมให้เปิดด่านชายแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า จังหวัดละ 1 ด่าน แต่ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. จะให้ปิดทั้งหมด 18 ด่าน 17 จังหวัด เฉพาะด่านทางบกที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยไม่ให้คนเข้า-ออก ใช้ส่งสินค้าได้เท่านั้น จะให้ผู้ว่าฯ สั่งการให้การหยุดชั่วคราวส่วนแต่ละด่านจะปิดถึงเมื่อไรนั้นแต่ละพื้นที่จะไม่เหมือนกันโดยจะให้ผู้ว่าฯประสานประเทศเพื่อนบ้านที่มีด่านทางบก ลาว เมียนมา กัมพูชา มาเลยเซียในการปิดด่าน
          ป่วนปิดด่านไทย-เมียนมา
          ที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชาวไทยที่ข้ามไปทำงานหรือเปิดกิจการในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ต่างพากันเดินทางกลับภูมิลำเนาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากได้รับข่าวสารจากทางการเมียนมาว่าจะปิดด่านพรมแดนในวันที่ 23 มี.ค.นี้ และข่าวสารจากทาง จ.เชียงราย ว่า วันที่ 22 มี.ค. จะมีการปิดด่านเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากพากันเดินทางออกจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก โดยต่อแถวยาวเกือบ 3 กิโลเมตรเพื่อผ่านด่านพรมแดน
          ซึ่งก่อนหน้านี้ทางจังหวัดเชียงรายมี คำสั่งให้ปิดจุดผ่อนปรนทั้งหมดทั้งที่ติดกับทางเมียนมา และ สปป.ลาว ซึ่งมีทั้งหมด 6 แห่ง อยู่ในพื้นที่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และเวียงแก่น โดยให้เหลือเพียงด่านถาวรที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 อ.แม่สาย และด่านพรมแดนที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของห้วยทรายเท่านั้น โดยในวันนี้ได้มีคำสั่งจังหวัดเชียงรายที่ 1380/2563 เรื่องระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า และช่องทางอื่น ๆ ตลอดแนวชายแดน จ.เชียงราย เป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จะคลี่คลาย
          จุดผ่านแดนไทย-ลาวก็ปิด
          เช่นเดียวกับสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาวข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 พบว่าทาง จ.เชียงราย ได้ปิดจุดผ่านแดนถาวร อ.เชียงของแล้ว เนื่องจากในฝั่ง สปป.ลาวได้ปิดไปก่อนหน้านี้แล้วเพื่อป้องกันการระบาดของโรค แต่ยังคงอนุญาตให้ขนส่งสินค้าจากฝั่งไทยข้ามไปยังเมืองห้วยทรายเฉพาะที่ได้ผ่านพิธีการทางศุลกากรอย่างถูกต้องโดยมาตรการทั้งหมดทาง จ.เชียงราย ประกาศว่าดำเนินไปจนกว่าสถาน การณ์จะคลี่คลาย
          นอกจากนี้ที่ จ.มุกดาหาร มีคำสั่งระงับการเดินทางเข้า-ออกจุดผ่านแดนถาวร (สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ด่านท่าเรือเทศบาลเมืองมุกดาหาร) เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.นี้จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ.


pageview  1205014    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved