อภิวรรณ เสาเวียง
          กรณีดาราชื่อดังอย่าง "บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์" ต้องเข้ารับการรักษา "โรคเนื้อเน่า"  หลังกลับจากไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นมา และให้ข้อมูลว่าเป็นเพราะถูก "แมลงกินเนื้อ" กัด...นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีดาราไทยประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน ทำให้เกิดความหวาดผวา ปนสงสัยว่า เจ้าแมลงกินเนื้อมีจริงหรือไม่ แล้วหน้าตาของมันเป็นอย่างไร
          ซึ่งเรื่องนี้ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า จากทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า ทั้งคู่ "ถูกแมลงกัด" และ ทั้งคู่ "เกิดภาวะเนื้อเน่า" แต่ทั้ง 2 ประเด็นนี้ต้องแยกออกจากกัน!
          "แมลงกัด" โดยปกติคนที่ถูกแมลงกัดจะมีอาการอยู่ประมาณ 3-4 แบบ 1. แมลงที่กัดแล้วมีบาดแผล แสบ ปวด หากไม่มีอะไรผิดปกติจะมีอาการอยู่ 2-3 วันก็หาย 2. แมลงบางประเภท อาจจะทำให้คนที่ถูกกัดหรือต่อย บางคนซึ่งมีภาวะภูมิคุ้มกันที่ไวเกิน อาจจะ ทำให้มีภาวะแพ้อย่างรุนแรงถึงขั้นช็อก หายใจไม่ออกเพราะหลอดลมหายใจหดเกร็ง
          3. แมลงบางชนิดมีสารพิษในตัว เช่น แมลงก้นกระดก หากกัดแล้วปัดทิ้งธรรมดาจะเจ็บปวดเป็นปกติ แต่ถ้าตบ ตัวแมลงก้นกระดกแตกออกจะมีสารพิษออกมาสัมผัสผิวหนังทำให้ระคายเคือง เป็นผื่น มีตุ่มน้ำ เจ็บปวด แสบร้อน มีอาการคันร่วมด้วย และ 4. แมลงบางประเภทกัด ต่อยจะปล่อยวัสดุบางอย่างเข้ามาในร่างกาย เช่น ผึ้ง ต่อ จะปล่อยเหล็กใน ซึ่งถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายพยายามขับออก ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจะกลายเป็นฝี เป็นหนอง ถ้าไม่เอาสิ่งแปลกปลอมออก
          ส่วนกรณี "เนื้อเน่าตาย" เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มที่มีความรุนแรง ส่วนใหญ่จะเป็น Streptococcus pyogenes และ Staphy lococcus aureus  ที่เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล ซึ่ง หากติดเชื้อที่ผิวหนัง ลงไปไม่เกินชั้นเนื้อเยื่อพังผืด หรือชั้นกล้ามเนื้อ จะทำให้เป็นฝี เป็นหนองตื้น ๆ ถ้าติดเชื้อลึกลงไปอีกจะเป็น "ไฟลามทุ่ง"
          ถ้าติดเชื้อลึกลงไปถึงใต้ชั้นเนื้อเยื่อพังผืด เข้าไปที่กล้ามเนื้อ เชื้อจะมีความรุนแรง ไปทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้เส้นเลือดดำ เส้นเลือดแดงเสียหายการส่งเลือดไปเลี้ยงไม่ดี ทำให้เกิดเนื้อตาย และเชื้อแบคทีเรียตัวนั้นก็ยังเกาะอยู่ที่บริเวณเนื้อตาย ถ้าไม่รีบรักษาบริเวณที่เนื้อตายจะขยายวงกว้างและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
          "ด้วยตัวของแมลงเองไม่มีแมลงที่บอกว่ากินเนื้อ หรือทำให้เนื้อเน่า แต่แมลงเวลากัดต่อยแล้วทำให้เกิดอาการอย่างที่บอก เกิดแผลและเป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อ และทำให้เนื้อตาย เรื่องนี้เป็นเหมือนกันทั่วโลก แต่ในกรณีคนสุขภาพดีไม่มีบาดแผลแม้ติดเชื้อที่ผิวหนังก็ไม่มีปัญหา"
          สำหรับการรักษา นพ.สุวรรณชัย บอกว่า สามารถทำได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ แต่ถ้าเกิดเนื้อตายขึ้นแล้ว แพทย์จะต้องผ่าเอาเนื้อที่ตายออกก่อน เพราะถ้าไม่เอาออก เส้นเลือด และเนื้อเยื่อที่ตายจะสกัดไม่ให้การส่งยาปฏิชีวนะให้เข้าไปถึงจุดนั้นได้
          ดังนั้นโรคนี้ไม่ใช่โรคใหม่ ซึ่งสถานการณ์ ในประเทศไทยมีรายงานคนป่วยโรคเนื้อเน่าปีละประมาณ 100-300 ราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ที่มีความเสี่ยงเกิดบาดแผลง่ายอยู่แล้ว บริเวณที่เกิดปัญหาส่วนใหญ่คือเท้า และขา ซึ่งหลายรายมีประวัติกับการสัมผัสสารเคมี ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง เกิดบาดแผล ทำให้แบคทีเรียเข้าสู่ผิวได้ง่าย
          และแน่นอนแม้แต่การถูกแมลงกัดก็ทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียนี้ได้ ดังนั้น ถ้าถูกแมลงกัดต้องสังเกตด้วยว่าเป็นแมลงชนิดไหน ถ้าไม่รู้จักก็ให้รีบ ทำแผล และ ปิดปากแผล เปลี่ยนปลาสเตอร์ทุกวัน สังเกตอาการทุกวัน ถ้าปกติก็หายได้ใน 2-3 วัน แต่ถ้ามีการปวด บวม อาจมีไข้ร่วมด้วยให้คำนึงว่าอาจจะมีการติดเชื้อร่วมด้วยและให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
          อย่างไรก็ตาม บางครั้ง "เนื้อเน่าตาย" อาจจะเกิดในชั้นลึก ๆซึ่งอาการที่ผิวหนัง อาการปวด อาการไข้ บางครั้งก็ไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่เราเห็น หรือ ถ้าผิวหนังเป็นสีม่วงเป็นวงกว้าง พอสมควรจนมองเห็นอภิวรรณ เสาเวียงข้างบน ต้องรีบไปพบแพทย์ เช่นเดียวกัน.