ผู้จัดการรายวัน360 - ครม.ไฟเขียวแผนแก้ฝุ่นพิษ วาง 3 มาตรการกู้วิกฤต นายกฯหารือ ครม.ควบคุม PM2.5 ตามแผน 3 ระดับ อธิบดี คพ.แจงฝุ่น PM2.5 เกิดจากลมหนาวหลงฤดู ย้ำฝุ่นไม่ได้มาพร้อมอากาศเย็นจากจีน คาดมรสุมจากฟิลิปปินส์ ช่วยบรรเทา ก่อนรับมืออีกระลอกช่วงปลายปี เผยฝุ่นพิษเกินมาตรฐานลดลงเหลือ 16 เขต
          นายประลอง ดำรงไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวในงานแถลงข่าวการรับมือฝุ่น PM2.5 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุม เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ชี้แจงสถานการณ์เรื่องนี้กับรัฐมนตรีในหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
          โดยยืนยันว่าช่วงนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเกิดสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 แต่สาเหตุที่เกิดขึ้นมานั้น เรียกว่า เป็นฤดูหนาวหลงฤดู โดยกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า เกิดจากความหนาวเย็นที่แผ่ปกคลุมมาจากประเทศจีน
          ส่วนที่มีการสอบถามกันว่า อากาศหนาวเย็นจากจีนนั้นได้พาฝุ่น PM 2.5 มาด้วยหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงคือ ไม่ใช่ หากพูดเช่นนี้อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ แต่กระบวนการในการเกิดฝุ่น PM2.5 นั้น มาจากการที่เรายังใช้รถยนต์กันอยู่ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากรถเก่า ไม่มีการปรับสภาพรถ
          ทั้งนี้ ฝุ่น PM 2.5 มีการเกิดขึ้นทุกวัน 365 วัน แต่ที่ผ่านอากาศจะโปร่ง ระบายได้ ทำให้ฝุ่นลอยตัวสูง ไม่สะสม แต่จากอากาศหนาวเย็นจากประเทศจีนที่แผ่มาตั้งแต่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้อากาศเย็นลงมาปิดทับ การระบายตัวของฝุ่นในอากาศจึงไม่ดี และเกิดการสะสมขึ้น ทำให้ค่าฝุ่นค่อยๆ สูงขึ้น โดยวันที่ 26-27 ก.ย.ที่ผ่านมา ค่าฝุ่น PM 2.5 จึงสูงขึ้นมากกว่า 7 สถานี วันที่ 29 ก.ย. ขึ้นมาเป็น 15 สถานี วันที่ 30 ก.ย. ขึ้นเป็น 35 สถานี แต่ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ลดลงเหลือ 33 สถานี
          "การรายงานของกรมควบคุมมลพิษและ กทม. จะรายงานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่ใช่ทุกชั่วโมง แต่ก็มีการติดตามดูทุกเกือบ 2 ชั่วโมง ช่วง 4 ทุ่มของเมื่อคืนจนถึงเช้าวันที่ 1 ต.ค. ค่าฝุ่นได้ลดลงมาเรื่อยๆ โดยกรมอุตุฯ บอกว่าจะมีฝนตกโดยมรสุมจากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะช่วยหอบฝุ่นขึ้นชั้นบรรยากาศ อากาศเย็นจางลง ฝุ่นที่สะสมจะลอยขึ้นไป ถ้าเป็นไปตามสถานการณ์ที่กรมอุตุฯ รายงาน ตัวเลขฝุ่นก็จะลดลง จนกลับสู่ปกติแต่จะกลับมาเจออีกในช่วง ธ.ค.-ม.ค." นายประลอง กล่าว
          ครม.เคาะ 3 มาตรการกู้วิกฤต "ฝุ่นพิษ"
          นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองใน 3 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ (การแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนและในช่วงวิกฤต มาตรการที่ 2 การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น (62-64) และระยะยาว (65-67) และมาตรการที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ (การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น (62-64) และระยะยาว (65-67) อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวได้มีการดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งวิกฤตฝุ่น PM2.5 ขณะนี้อยู่ในระยะก่อนเกิดวิกฤต เพราะตัวเลขยังไม่ถึงขั้นวิกฤต
          ทั้งนี้ ให้หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงมหาดไทย (มท.), กรุงเทพฯ, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส), กระทรวงสาธารณสุข (สธ.), กระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต้องร่วมกันรับผิดชอบและต้องปฏิบัติตามเมื่อเข้าสู่มาตรการขั้นต่างๆ
          "บิ๊กตู่" ยันรัฐบาลแก้ปัญหายั่งยืน
          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน หรือ PM 2.5 ว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีการหารือและนำแผน 3 ระดับของ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้ามาพิจารณา ที่มีตั้งแต่ระดับปกติ คือไม่เกิน 100 ไมโครกรัม ที่ไม่มีผลกระทบ ส่วนสถานการณ์ในปัจจุบันดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศ แต่ได้เสริมมาตรการเรื่องการจราจร ยานพาหนะและการเผา ที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น ยอมรับว่ามีความยากในการใช้กฎหมาย ส่วนระดับ 2 ค่าฝุ่นละอองอยู่ที่ 51-75 ไมโครกรัม/ระดับ 3 ค่าฝุ่นละอองอยู่ที่ 76-100 ไมโครกรัมและระดับ 4 ค่าฝุ่นละอองเกิน 100 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากเกินในขณะนั้นต้องมีการประชุมคณะกรรมการร่วมกันและรัฐบาลต้องหามาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อสั่งการในระดับประเทศ ซึ่งรัฐบาลเคยดำเนินการมาแล้วในบางพื้นที่ รวมถึงต้องดำเนินการทางกฎหมาย
          ขณะที่ กระทรวงคมนาคม ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย ได้ขอความร่วมมือประชาชนงดเผาในพื้นที่โล่ง และเข้มงวดในเรื่องควันดำ ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรม จะเข้มงวดในพื้นที่ก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลต้องขอความร่วมมือในพื้นที่ก่อสร้างที่ต้องฉีดพ่นน้ำในช่วงที่มี PM2.5 สูงขึ้น โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดเตรียมเครื่องพ่นน้ำในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นแล้ว
          นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้พิจารณาว่าช่วงนี้จะพบอากาศที่ปิด ทำให้เหมือนโดมครอบกรุงเทพมหานครอยู่เนื่องจากอากาศเย็นและอากาศหนาวเข้ามาเร็วแต่เป็นอากาศหนาวระยะสั้น ทำฝุ่นละอองไม่กระจายไปในพื้นที่อื่น จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังตัวเอง
          ส่วนกรมฝนหลวงก็พร้อมที่จะปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบและพร้อมขึ้นบินทันที ขณะที่ปัญหาฝุ่นละอองที่มาจากต่างประเทศได้ขอความร่วมมือและประสานงานอย่างต่อเนื่องซึ่งทุกประเทศก็ให้ความสำคัญและให้คำมั่นสัญญาให้ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 74 ว่าจะลดภาวะเรือนกระจก เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นจากทุกประเทศ
          ส่งรถทหารฉีดน้ำลดฝุ่น
          พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้มอบหมายให้หน่วยทหารของกองทัพบก ประสานกับจังหวัด และส่วนราชการที่รับผิดชอบร่วมกันดูแลประชาชน และแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตามแนวทางของรัฐบาลโดยด่วน
          ทั้งนี้ ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้หน่วยทหารจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกตรวจสุขภาพ แจกจ่ายหน้ากากป้องกันฝุ่น พร้อมให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันโรคภัยที่เกิดจากฝุ่นละออง และจะสนับสนุนรถบรรทุกน้ำและกำลังพลเพื่อออกปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. รวมทั้งจะใช้สื่อในเครือข่ายกองทัพบกประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน
          สั่ง ผวจ.เตรียมมาตรการป้องกัน
          พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้เตรียมการ เช่น ช่วงที่จะมีการเก็บเกี่ยวในเดือน พ.ย. ต้องมีมาตรการในการจัดเก็บ แปรรูป และนำไปใช้ประโยชน์ ทั้ง ฟางข้าว อ้อย ข้าวโพด นอกจากนี้ ผวจ. จะต้องแจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานกระทรวงสาธารณสุข แจกหน้ากากอนามัย ให้กับประชาชนด้วย
          ฝุ่นพิษเกินมาตรฐานลดลงเหลือ 16 เขต
          ด้านสำนักสิ่งแวดล้อม โดยกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียงรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร รายงานผลการตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เวลา 13.00-15.00 น.ตรวจวัดได้ 44-75 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ย 56 มคก./ลบ.ม. โดยค่า PM2.5 มีแนวโน้มลดลง
          โดยค่าเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 16 เขต คือ เขตสัมพันธวงศ์ เขตวังทองหลาง เขตปทุมวัน เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตคลองสาน เขตบางกอกน้อย เขตภาษีเจริญ เขตบางเขน เขตบางพลัด เขตบางขุนเทียน เขตพระนคร เขตสาทร เขตบางซื่อ เขตหลักสี่ เขตบึงกุ่ม.