ภัยเงียบอีกชนิดหนึ่งของสังคมยุคปัจจุบัน คือ โรคหรือกลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดจากการทำงานทั้งนี้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า ล่าสุดที่พบมากขึ้นคือ โรคจากความสั่นสะเทือน หรือปัจจุบันนิยมเรียกกันว่ากลุ่มอาการผิดปกติจากความสั่นสะเทือนเฉพาะมือและแขน ซึ่งเป็นอาการผิดปกติที่เกิดกับนิ้วมือ มือ และแขน หรือจากการสัมผัสความเย็นจะเพิ่มความผิดปกติที่เกิดจากความสั่นสะเทือน เพราะอุณหภูมิที่ลดลง มีผลทำให้หลอดเลือดหดตัว เลือดไปเลี้ยงนิ้วมือลดลง และลดอุณหภูมิที่ผิวหนังของนิ้วมือ ส่งผลต่อการรับประสาทสัมผัสลดลงอย่างถาวร เสียความถนัดของมือในการจับต้องอุปกรณ์ต่างๆ มีผลต่อการปฏิบัติงานและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
          สำหรับอาชีพเสี่ยง ได้แก่ คนที่ต้องใช้เครื่องมือที่มีความสั่นสะเทือน เช่น เจาะถนน เจาะหิน ตอกหมุด ขัดพื้น เป็นต้น หรือคนที่ต้องทำงานในห้องเย็น โรงงานผลิตน้ำแข็ง
          นพ.สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาล นพรัตนราชธานี กล่าวถึงอาการของโรคจากความสั่นสะเทือนเฉพาะมือและแขน ว่า ประกอบด้วย การเสียวแปลบ ชา และซีดขาวของนิ้วมือ เสียความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อ และอาจมีอาการปวด การรับความรู้สึกร้อน-เย็น ลดลง ในรายที่รุนแรงจะพบความผิดปกติ คือ
          1.มีความผิดปกติของระบบหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบและนิ้วมือซีดขาว ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจเกิดแผลที่ปลายนิ้ว
          2.มีการทำลายเส้นประสาทรับความรู้สึกและเส้นประสาทสั่งการ ทำให้เสียวแปลบ ชา เสียการประสานงานระหว่างนิ้ว และความคล่องแคล่วในการใช้มือนอกจากนี้ยังมีการบวมรอบเส้นประสาท เกิดพังผืดและใยประสาทเสียหาย
          3.มีความผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อปวดในมือและแขน และอาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียสมรรถภาพ
          อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถป้องกันได้โดย 1.เลือกใช้เครื่องมือที่มีระบบป้องกันการสั่นสะเทือน หรือมีความสั่นสะเทือนน้อย 2.ใช้เครื่องมืออย่างถูกวิธีและมีการบำรุงรักษาที่ดีอย่างต่อเนื่อง 3.ใช้ถุงมือป้องกันการสั่นสะเทือน 4.มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนงาน ไม่ใช้เครื่องมือและทำงานในระยะเวลานานเกินไป ควรหยุดพักเป็นระยะอย่างน้อยครั้งละ 10 นาที 5.รักษาร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะบริเวณมือ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
          และ 6.งดการสูบบุหรี่ เพราะมีผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต ทั้งนี้ หากพบความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์