HISO - เรื่องเล่าข่าวเด่น

  
   Follow us      
  
หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 07/01/2562 ]
ปรับโฉมโรงพยาบาลสังกัด สธ. ก้าวสู่ Smart Hospital

   เมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีทั้ง Big Data-AI-Blockchain-Internet of Things : IoT)-5G เข้ามามีบทบาท ในสังคมไทยและสังคมโลกมากขึ้น วงการแพทย์และสาธารณสุขจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน โดยตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนโรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับสู่การเป็น "Smart Hospital"
          กรุงเทพธุรกิจ "Smart Hospital" คือ การนำเทคโนโลยีด้านสุขภาพ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาเพิ่มความสะดวกในระบบบริการ การจัดเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย และการบริหารจัดการ
          "นโยบายกระทรวงสาธารณสุขให้ โรงพยาบาลและหน่วยงานในสังกัด ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานให้เข้าสู่ระบบดิจิทัล นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วย พัฒนาระบบบริการและระบบบริหารจัดการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ รวดเร็ว ปลอดภัย ทั่วถึง เท่าเทียม เจ้าหน้าที่มีระบบปฏิบัติงานที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ไร้รอยต่อ ผู้บริหารมีระบบสารสนเทศสุขภาพ ที่มีคุณภาพ ทันสถานการณ์" ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
          ทั้งนี้ การจัดการ Big Data, AI และ IoT  จะทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพได้ลึกซึ้งหลายแง่มุม เป็นประโยชน์ต่อการเชื่อมโยงและจัดวางระบบบริการสุขภาพที่เหมาะสมกับพื้นที่ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลเป็นฐาน Big Data ลอยอยู่ในระบบคลาวด์ (Cloud) มากกว่า 1.4 หมื่นล้านเรคคอร์ด ซึ่งเป็นข้อมูลดิบที่เกี่ยวกับการให้บริการด้านสาธารณสุขกับประชาชนจากหน่วยบริการสาธารณสุขในสังกัดที่ครอบคลุมหน่วยบริการถึง 70% ของประเทศ ฐานข้อมูลนี้นำมาใช้ในการกำหนดนโยบายของประเทศทั้งในมิติของการป้องกันและรักษา ตอบโจทย์สุขภาวะของคนในประเทศ
          อาทิ ข้อมูลการฉีดวัคซีนต่างๆ ทำให้ทราบว่าแต่ละพื้นที่มีการฉีดวัคซีน ชนิดใดไปแล้วบ้าง ครอบคลุมการฉีดแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ หากข้อมูลแสดงพื้นที่ไหน ยังฉีดน้อยก็จะได้เข้าไปเร่งดำเนินการ หรือใน Big Data ในระดับโรงพยาบาลแต่ละแห่ง ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลด้านสุขภาพ ระบบยา ห้องปฏิบัติการ การ เงินการคลัง การพัสดุ และบุคลากรสามารถนำมาวิเคราะห์ ประมวลผล และ สังเคราะห์เป็นแผนการบริหารจัดการของโรงพยาบาลได้
          ในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการสาธารณสุข นำ Big Data เชื่อมโยงระบบสารสนเทศของทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน ใช้เทคโนโลยี IoT เชื่อมโยงทุกอุปกรณ์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น ระบบคิว (Queue) แอพพลิเคชั่น (mHealth) ระบบเวชระเบียน อิเล็กทรอนิกส์ (EMR) เพื่อแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลการรักษาพยาบาล ผลการตรวจสุขภาพของผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาล ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินผลทดลองดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านข้อมูลสากล ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Ehealth) เพิ่มคุณภาพการรักษา อาทิ การนัดหมาย การจัดคิว การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเอง การจัดยา การส่งต่อผู้ป่วยไปต่างโรงพยาบาล เป็นต้น เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจวินิจฉัย การรักษา และการเข้าถึงข้อมูลผู้รับการรักษา เพื่อลด ความแออัด ลดการรอคอย เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และมีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ
          ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลตรัง ยกเลิกการใช้บัตรผู้ป่วยแบบกระดาษ (OPD Card) เป็นการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และจัดเก็บข้อมูลเก่าของผู้ป่วยด้วยการสแกนเอกสาร จัดเก็บข้อมูลผู้ป่วยในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงพัฒนาระบบลงทะเบียนผู้ป่วยด้วย "ตู้อัจฉริยะ" (Kiosks) เครื่องมือที่ ถูกออกแบบให้ช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อลดเวลาของการรอคอย การลงทะเบียนมีความแม่นยำและเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของโรงพยาบาล โดยลักษณะการทำงานของตู้อัจฉริยะ
          สามารถลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่ รับบัตรคิวอัตโนมัติ ตรวจสอบนัด ตรวจสอบสิทธิการรักษา และมีระบบการแจ้งเตือนหากถึงคิวการรับบริการและการรับยา ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) โดยผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนั่งรอ รวมถึงจะมีการเตือนล่วงหน้า 1 วัน ก่อนถึงวันนัด ทำให้ลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดระยะเวลาการรอคอย เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว และสามารถประมวลผลให้เจ้าหน้าที่นำข้อมูลใช้บริหารจัดการได้ทันเวลา
          และกรณีการใช้ AI กระทรวงสาธารณสุขกำลังร่วมวิจัยพัฒนาการนำโปรแกรม AI มาช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรค ดังเช่นที่ศูนย์ความเป็นเลิศ ทางการแพทย์ด้านจอประสาทตา โรงพยาบาลราชวิถี ได้ร่วมงานกับ Google Research Team วิจัยความแม่นยำของ software AI ที่ใช้การถ่ายภาพจอประสาทตาระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยตรวจตาผู้ป่วยเบาหวาน และช่วยอ่านภาพจอประสาทตาของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งมีความไวสูงกว่าบุคลากรที่ทำหน้าที่อ่านภาพ จอประสาทตาเพื่อคัดกรองเบาหวานเข้าตา และมีความจำเพาะใกล้เคียงกัน โดยจะมีการวิจัยต่อเนื่อง นำ AI มาอ่านภาพแบบ Real Time จะช่วยลดภาระงานบุคลากร เพิ่มความแม่นยำในการค้นพบผู้ป่วย อาจทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการมากขึ้น แก้ปัญหาตาบอดจากเบาหวาน
          นอกจากนี้ ในอนาคต โรงพยาบาลราชวิถีได้วางแผนพัฒนานวัตกรรมการรักษา เช่น การผ่าตัดโดยใช้การฉายภาพ 3 มิติ (3D Visualization) การทำเฝือกด้วย 3D Printing การลด ความเจ็บปวดโดยใช้ความจริงเสมือน (Virtual Reality) มาดำเนินการในโรงพยาบาลด้วย


pageview  1205110    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved