นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า พ่อ แม่ผู้ปกครองยุคใหม่ต้องเข้าใจบุตรหลานที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น อยากเรียนรู้ อยากลอง ในทางที่ผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการใช้ยาและสาร เสพติด ซึ่งพบว่าผู้ติดยาเสพติดที่เข้ารับการบำบัดรักษามากที่สุดมีอายุ 18-24 ปี โดยเริ่มใช้ใน
          ช่วงอายุต่ำกว่า 18 ปี การที่พ่อแม่ปรับตัวให้เหมือนเป็นเพื่อนกับบุตรหลานทำความเข้าใจใช้เวลาพูดคุยถามให้คิด และยอมรับฟังอย่างตั้งใจ ด้วยความรักความเมตตา พิจารณาพฤติกรรมอย่างมีเหตุผล โดยไม่ว่ากล่าวตำหนิ ติเตียน เท่ากับเป็นการป้องกันและช่วยแก้ไขปัญหา สามารถหาทางแก้ไขได้ทันท่วงทีและยังป้องกันการหลงผิดไปใช้ยาเสพติดได้ตั้งแต่เนิ่นๆดังนั้น ผู้ปกครอง ยุคใหม่ต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้สั่งสอน ออกคำสั่ง ห้ามให้ทำ มาเป็นเพื่อนที่รู้และเข้าใจยอมรับฟัง เปิดโอกาส ชี้ชวนให้คิด กระตุ้นให้พูดแสดงความคิดเห็น เลือกเรียนรู้อย่างมีเหตุผล และตัดสินใจในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมด้วยตนเอง
          นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนีกล่าวว่า เมื่อรู้ว่าลูกเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดสิ่งที่ควรทำ คือ ตั้งสติ ใช้เหตุผล ร่วมพูดคุยถึงต้นเหตุปัญหาร่วมกันโดย ไม่ตำหนิ ดุด่า หรือลงโทษอย่างรุนแรงสร้างความเข้าใจกับทุกคนในครอบครัว ให้กำลังใจ แสดงความรัก ห่วงใย ในเรื่องโทษภัยยาเสพติด ที่มีต่อสุขภาพร่างกาย จิตใจ การเรียน และความผิดทางกฎหมายติดต่อปรึกษาครูที่ปรึกษา พาลูกไปปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้เวลาพูดคุย หาเวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ติดตามและเฝ้าระวังไม่ใช้การจับผิด หรือระแวงไม่ไว้วางใจ แต่ช่วยประคับประคอง ให้เวลา-โอกาส หากประสบปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1165 หรือที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ www.pmindat.go.th