"มท.1"เผยแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดดูแลความปลอดภัยช่วงลอยกระทงพร้อมแจ้งการสัญจรทางอากาศระวัง "โคมลอย" เป็นพิเศษด้าน "ทอท." ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการปล่อยโคมลอย-โคมไฟ-โคมควัน-ลูกโป่ง-จุดพลุ-ฉายลำแสงขึ้นฟ้า" หวั่นเป็นอันตรายต่อการบิน ส่วน "สธ."หวั่นเด็กจมน้ำ!!สั่งหน่วยงานในสังกัดร่วมสร้างความปลอดภัยวันลอยกระทง แนะ สอนเด็ก"อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม" เผยสถิติย้อนหลังยอดเด็กตายกว่า 380 คนขณะที่ "วิระชัย" เตือนโจ๋พาเด็กเข้าโรงแรมติดคุกหัวโต
          ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 20 พ.ย.61 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลลอยกระทง ว่า ทางกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ใช้ช่วยกันดูแลให้เรียบร้อย เช่น การจุดพลุ ก็มีการเข้มงวดในเรื่องของการจำหน่าย การจุด เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการส่วนเรื่องการสัญจรทางเรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโป๊ะ ท่าเทียบเรือ ตัวเรือหรือผู้ขับเรือก็ตาม เราได้กำชับไปยังหน่วยงานต่างๆเช่นกัน
          "เราทราบด้วยว่า ในเรื่องของการสัญจรทางอากาศได้แจ้งเตือนเรื่องการปล่อยโคมลอย ซึ่งเราหวังว่าทุกภาคส่วนจะร่วมมือกัน และดูแลส่วนที่ตนเองรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น"
          ด้าน นายนิตินัย ศิริสมรรถการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า เพื่อความปลอดภัย ต่อการทำการบินของอากาศยาน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทอท. จึงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ งดการปล่อยโคมลอยโคมไฟ โคมควัน ลูกโป่ง การจุดพลุ และดอกไม้ไฟ การฉายลำแสงขึ้นบนท้องฟ้าและวัตถุที่เป็นอันตรายต่อการบิน โดยเฉพาะพื้นที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนไปท่องเที่ยวและร่วมประเพณีลอยกระทง และนิยมปล่อยโคมลอยกันมาก จึงขอให้ระมัดระวังการปล่อยโคมลอยโคมควันอย่างเคร่งครัด โดยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือให้ปล่อยโคมลอยโคมไฟ ระหว่างเวลา19.00-01.00 น. ส่วนที่ จ.เชียงรายได้ขอความร่วมมือในการปล่อยโคมลอยโคมไฟระหว่างเวลา 21.00-01.00 น. ส่วนโคมควันสามารถปล่อยได้ในวันที่ 22 พ.ย.61 ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. ส่วนท่าอากาศที่จะทำการปล่อยวัตถุต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อการบินจะต้องทำเอกสารขออนุญาตทางจังหวัดและแจ้งมายัง ท่าอากาศยาน เพื่อออกประกาศผู้ทำการในอากาศ และแจ้งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ต่อไป อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 21-23 พ.ย.61 มีสายการบินที่แจ้งยกเลิกเที่ยวบินและเปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงและท่าอากาศยานหาดใหญ่ จำนวนรวม 158 เที่ยวบิน นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือผู้โดยสารให้เดินทางถึงท่าอากาศยานเร็วกว่าปกติ โดยหากเดินทางระหว่างประเทศ ให้เผื่อเวลาล่วงหน้า 3 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องออก และ 2 ชั่วโมง ก่อนเวลาเครื่องออก ภายในประเทศ
          ขณะที่ นายวิวัฒน์ ตังหงส์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า เทศกาลลอยกระทงเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอันตรายจากการจุดประทัด พลุ ดอกไม้ไฟ และโคมลอย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิตและสร้างความความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ จึงขอฝาก
          เตือนไปยังสถานประกอบกิจการในบริเวณใกล้เคียงควรกำชับให้ลูกจ้างตรวจสอบการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักรที่ไม่ได้ทำงานให้เรียบร้อย และจัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิง สัญญาณแจ้งเหตุให้พร้อมสำหรับการใช้งานเพื่อจะป้องกันความเสียหายและลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
          ส่วนนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมายปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์ และเตรียมการป้องกัน
          อุบัติเหตุ โดยตรวจเตือน ป้องกัน แก้ไขจุดเสี่ยงอุบัติเหตุต่างๆ และให้โรงพยาบาลเตรียมความพร้อมดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากการจราจร การเล่นพลุ ประทัดดอกไม้ไฟ โดยเฉพาะการจมน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เนื่องจากเด็กที่ชอบอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อลอยกระทง ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะพลัดตกลื่นลงตกน้ำได้ที่พบบ่อยคือการลงไปเก็บเศษเงินในกระทง ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่ความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นจากการดื่มสุรา
          ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลมรณบัตรของกองยุทธศาสตร์และแผนงานโดยกรมควบคุมโรค ย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ปี 51-60 ช่วงเทศกาลลอยกระทง 3 วัน คือ ก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทงและหลังวันลอยกระทง มีคนจมน้ำเสียชีวิตสะสม 380 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า15 ปีถึง 94 คน คิดเป็นร้อยละ 24.7 เฉพาะวันลอยกระทงวันเดียวมีคนจมน้ำเสียชีวิตสะสมสูงถึง 145 คน โดยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตสูงถึง 43 คน คิดเป็นร้อยละ 29.7 เฉลี่ยวันละกว่า4 คน ซึ่งมากกว่าในช่วงวันปกติ 2 เท่าตัว และในปี 2560 แนวโน้มการเสียชีวิตลดลงทั้งในกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ เป็นชายมากกว่าหญิงประมาณ 2 เท่าตัว มากที่สุดคือเด็กกลุ่มอายุ 5-9 ปี ที่น่าสนใจคือยังคงมีเด็กชายอายุ 8 ปีที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจมน้ำเสียชีวิตจากการว่ายน้ำลงไปเก็บเงินในกระทง
          "ขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด ป้องกันการจมน้ำ และสอนให้"อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม" โดยอย่าใกล้: อย่ายืนใกล้ขอบบ่อ อย่าเก็บ : อย่าลงน้ำไปเก็บเงินในกระทง และอย่าก้ม : อย่าก้มไปลอยกระทง นอกจากนี้ ไม่ปล่อยเด็กอยู่ใกล้น้ำหรือให้เด็กไปลอยกระทงตามลำพังไม่เก็บกระทงแม้จะอยู่บนฝั่งเพราะอาจพลัดตกลื่นจมน้ำได้ และระมัดระวังการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและลงน้ำ รวมทั้งต้องขับขี่ตามกฎจราจร"
          ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอให้ผู้ปกครองดูแลเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ปีอย่างใกล้ชิด ต้องอยู่ในระยะที่มองเห็นและคว้าถึง อย่าปล่อยให้เด็กลอยกระทงตามลำพัง ไม่ว่าจะในกะละมัง ถังน้ำ หรือแหล่งน้ำอื่นๆ รวมทั้งเก็บกระทง เพราะอาจพลัดตกจมน้ำเสียชีวิตได้ และสอนเด็กใช้นกหวีดเพื่อขอความช่วยเหลือ ส่วนผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและลงน้ำ
          ส่วน พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตารอง ผบ.ตร. โพสต์เฟซบุ๊กเตือนกลุ่มวัยรุ่น หากพาเด็กเข้าโรงแรมระวังติดคุกหัวโต โดยระบุว่า "รักเด็กผิดด้วยหรือ..???? ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปีมักจะมีคดีความผิด เกี่ยวกับเพศและการพรากผู้เยาว์ การอนาจาร เกิดขึ้นจำนวนมาก วันนี้ จะมาไขข้อกฎหมายในเรื่องนี้ให้ทราบกัน"