เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการ สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม คผยช.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างอนุบัญญัติภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 รวม 2 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับหีบห่อผลิตภัณฑ์ยาสูบ และผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแร็ต พ.ศ.2561 และ 2.ระเบียบ คผยช.ว่า ด้วยหลักเกณฑ์ การเปรียบเทียบตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560
          ศ.นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า สำหรับร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับหีบห่อผลิตภัณฑ์ยาสูบ และผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแร็ต พ.ศ.2561 นั้น ได้เปลี่ยนชุดภาพคำเตือนพิษภัยของผลิตภัณฑ์ยาสูบบนซองบุหรี่ซิกาแร็ตชุดใหม่ เนื่องจากชุดภาพปัจจุบันใช้มานานกว่า 5 ปี ทำให้ประชาชนคุ้นชินภาพ ไม่เกิดความตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ รวมทั้งกำหนดให้ซองบุหรี่มีรูปแบบเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ห้ามใช้สีสัน ลวดลาย เครื่องหมายการค้า หรือลูกเล่นที่สวยงามบนซองบุหรี่ เพราะถือเป็นสื่อโฆษณาส่งเสริมการขาย จูงใจให้สูบบุหรี่มากขึ้น ดังนั้น มาตรการนี้จะช่วยลดแรงจูงใจการสูบบุหรี่ทั้งผู้สูบหน้าเก่าและหน้าใหม่
          "ไทยเป็นประเทศแรกของเอเชีย และเป็นประเทศที่ 11 ของโลกที่ออกกฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบ โดยประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ประกาศใช้กฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบตั้งแต่ปี 2555 และประเทศล่าสุดที่ประกาศใช้เป็นประเทศที่ 10 คือ ประเทศมอร์ริเชียส ในทวีปแอฟริกา ซึ่งซองบุหรี่แบบเรียบเป็นมาตราสำคัญตามข้อกำหนดและแนวปฏิบัติข้อ 11 ว่าด้วยการควบคุมหีบห่อสินค้ายาสูบและข้อ 13 การห้ามโฆษณาสินค้ายาสูบ ของกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบของ องค์การอนามัยโลก (WHO-FCTC) ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 181 ประเทศสมาชิกมีพันธกรณีต้องนำมาปฏิบัติ" ศ.นพ.ปิยะสกลกล่าว
          ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คผยช. กล่าวว่า สำหรับระเบียบ คผยช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 จะทำให้การเปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิด บังคับใช้รวดเร็วขึ้น นอกจากตำรวจเปรียบเทียบปรับได้แล้ว ระเบียบฉบับนี้ให้อำนาจเจ้าพนักงานอื่นเปรียบเทียบปรับได้โดยไม่ต้องส่งฟ้องศาล ซึ่งจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น