Follow us      
  
  

ผู้จัดการรายวัน [ วันที่ 08/02/2555 ]
คุณเป็นอย่างที่คุณกิน สมการความปลอดภัยที่ท้าทายผู้บริโภคไทย
          ภาณุเบศร์ มหาเรือนขวัญ
          ใต้ลมโลกาภิวัตน์ 'คุณเป็นอย่างที่คุณกิน'(you are what you eat) มิใช่แค่สำนวนเรียกร้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้วยการหลี่กเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟูดหรืออาหารขยะ (junk food)ด้วยการกลับมาบริโภคอาหารที่มีโภชนาการสะอาด ปลอดภัย และเสริมสร้างความสวยงามตามค่านิยมเท่านั้น ทว่าต้องยึดโยงกับการตระหนักเท่าทันสถานการณ์การแย่งชิงฐานทรัพยากรอาหาร (food resources) ที่ทำลายคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย สุขภาวะผู้บริโภค และความมั่นคงทางอาหารของประเทศกำลังพัฒนาโดยกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมและบรรษัทเกษตร และอาหารข้ามชาติด้วย
          ด้วยกลุ่มประเทศยากจนและกำลังพัฒนานอกจากถูกคุกคามจากการขยายฐานความมั่นคงทางอาหารผ่านกลไกกฎหมายการค้าการลงทุนระหว่างประเทศโดยประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลายแล้ว กลุ่มทุนข้ามชาติที่มีอำนาจเหนือรัฐชาติทั้งด้านนโยบายและกฎหมายยังสยายปีกปกคลุมผืนแผ่นดินและกลืนกินเกษตรกรรายย่อยอย่างตะกรุมตะกลามตามหลักกำไรสูงสุดด้วย
          ดังสถานการณ์เมืองไทยที่ความปลอดภัยความมั่นคง ขีดความสามารถการแข่งขัน และศักยภาพการพึ่งพิงตนเองด้านอาหารไม่ได้ดีขึ้นหลังสิ้นสุดระยะเวลาการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 (ฉบับปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. 2551) ในวันที่22 สิงหาคม 2554 เพราะสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอันตรายร้ายแรง 4 ชนิด ทั้งคาร์โบฟูราน(carbofuran) เมโทมิล (methomyl)ไดโครโตฟอส (dicrotophos) และอีพีเอ็น(EPN) ที่หลายประเทศทั่วโลกห้ามใช้แล้วเพราะตระหนักถึงพิษภัยก็ยังคงสามารถจะขึ้นทะเบียนได้ในเมืองไทยต่อไปตามแรงล็อบบี้กดดันของบรรษัทสารเคมีการเกษตรข้ามชาติและระดับชาติที่ต้องการขายสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอันตรายร้ายแรงแต่ทำกำไรดีที่ได้แรงบวกจากความไม่เคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายของไทยหนุนเสริม
          สุขภาวะเกษตรกรและผู้บริโภคจึงเสี่ยงอันตรายต่อไปในท่ามกลางการต่อสู้ของภาคประชาสังคมที่กอปรด้วยเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เครือข่ายผู้บริโภค และเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ThaiPAN)ที่คัดง้างการสมประโยชน์ระหว่างการเมืองกับทุนด้วยการเสนอชุดข้อมูลความสูญเสียระดับพื้นที่ ผลทางการแพทย์ที่พบว่าผู้บริโภคมีสารเคมีปนเปื้อนในกระแสเลือดเหมือนเกษตรกรและข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าสารเคมีเหล่านี้นำไปสู่โรคร้ายแรง โดยเฉพาะมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยสูงสุด
          สมการความสัมพันธ์ระหว่าง 'คาร์โบฟูราน +แตงโม = อสุจิตายหรือผิดปกติ' 'เมโทมิล +คะน้า = DNA ถูกทำลาย' 'ไดโครโตฟอส +กวางตุ้ง = ยีนผิดปกติและกลายพันธุ์' และ'อีพีเอ็น + ถั่วฝักยาว = ไขสันหลังผิดปกติหรืออัมพาต' พิสูจน์ชัดถึงความจำเป็นเร่งด่วนของสังคมไทยในการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอันตรายร้ายแรงเหล่านี้เพื่อคุ้มครองสุขภาวะเกษตรกรจากการใช้สารเคมีนี้ในการเพาะปลูกตามแรงโฆษณาชวนเชื่อ และผู้บริโภคที่บริโภคผักผลไม้ปนเปื้อนที่วางขายในตลาดสดและโมเดิร์นเทรด ที่สำคัญเป็นการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมและการรักษาตลาดสินค้าเกษตรส่งออก
          ทั้งนี้ จะแก้สมการนี้เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการหนี้สินและโรคร้ายแรงได้ก็ต่อเมื่อยกเลิกการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช4 ชนิดนี้โดยอาศัยพลังผู้บริโภครวมตัวกันต่อต้านการขึ้นทะเบียนในฐานะผู้มีส่วนได้เสียสำคัญ (stakeholders) อย่างน้อยสุดก็แง่มุมของการปกป้องสุขภาพตนเอง เพราะกระบวนการกดดันเคลื่อนไหวของผู้บริโภคจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในระบบเกษตรและอาหารจากการขยายตัวของความปลอดภัยจากการขยายตัวของเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ เกษตรลดต้นทุน
          หรือกระทั่งการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทดแทน เช่น สปินโนแซด ไดอะเฟน ไธยูรอนในฐานะ 'ทางเลือกทางนโยบายที่หยุดยั้งความตายของผู้บริโภค และการล้มละลายของเกษตรกรรายย่อย' อันเนื่องมาจากภาครัฐต้องรับฟังผู้บริโภคในฐานะเสียงที่ทรงพลัง และภาคธุรกิจต้องตระหนักถึงความสำคัญในฐานะลูกค้า
          กระบวนการขึ้นทะเบียนโปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์บรรษัทสารเคมีบนความสูญเสียของสังคม ตลอดจนกำหนดกฎหมายหรือนโยบายเกษตรและอาหารที่คำนึงถึงสุขภาวะจึงเรียกร้องพลังผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมกำกับการบริหารจัดการบ้านเมืองของรัฐบาลให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ (national interest) มากกว่าบรรษัทข้ามชาติโดยมีคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรและผู้บริโภคเป็นตัวชี้วัดสำคัญ อันจะต้องก้าวหน้ากว่าอเมริกาที่ตลกร้ายห้ามผลิตคาร์โบฟูรานเพื่อใช้ในประเทศตามคำพิพากษาศาล แต่กลับส่งมาขายในไทยโดยบรรษัทเคมียักษ์ใหญ่เป็นกลจักรดังปี 2553 ที่ไทยนำเข้าคาร์โบฟูรานถึง5,301,161กิโลกรัม มูลค่า 148,870,091 บาทและทะยานขึ้นอีกเกือบเท่าตัวภายในช่วง6 เดือนแรกของปี 2554
          สภาวะจำนนสยบยอมของสังคมไทยใต้ปีกโลกาภิวัตน์ทุนนิยมเสรีสร้างวิกฤตตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาวะเกษตรกร ผู้บริโภค ความมั่นคงทางอาหาร จนถึงสิทธิทางอาหาร (Right to food) ที่เป็นหลักการคุ้มครองมนุษย์ทุกคนให้เข้าถึงอาหารได้เพียงพอและปลอดภัย ไม่เท่านั้นยังละเมิดหลักการสำคัญของรัฐที่ต้องปกป้องประชากรตนเองอันเป็นไปในทิศทางเดียวกับอเมริกาที่ปกป้องพลเมืองตนเองจากการห้ามใช้คาร์โบฟูรานในประเทศ ทว่าไทยต้อง 'ก้าวหน้า' กว่าเพราะปวารณาตัวเป็นครัวโลกซึ่งความปลอดภัยของผลผลิตเป็นสิ่งสำคัญ แต่แม้จิตไม่สากลพอจะมองประโยชน์ผู้บริโภคนอกประเทศก็ต้องมองถึงความปลอดภัยของเกษตรกรและผู้บริโภคไทยเป็นสำคัญด้วยการเลิกขึ้นทะเบียนสารเคมี4 ชนิดนี้
          หรือกรณีนี้ไทยจะ 'ล้าหลัง' กว่าเพื่อนบ้านพม่าที่ห้ามผลิต/ใช้อีพีเอ็นแล้ว? หรือนี่คือการสมาทานแนวคิดทุนนิยมเสรีที่ไทยภาคภูมิใจว่าจะขายสารพิษอะไรก็ได้ตราบใดกฎหมายเปิดช่อง?
          ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าข้อเสนอให้ระงับการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชพิษร้ายแรง 4 ชนิดนี้จะได้รับการขานรับจากคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) และสมัชชาปฏิรูประดับชาติถึงความสำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม และการปฏิรูประบบเกษตรกรรมและอาหารเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรแต่ทว่าการขาดไร้ซึ่งพลังของผู้บริโภคในการร่วมกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อทานอำนาจของกลุ่มผลประโยชน์ (interest group)และพรรคการเมืองซึ่งล้วนแล้วแต่มีบรรษัทการเกษตรและอาหารหนุนหลังก็พังทลายความหวังในการปฏิรูประบบสารเคมีเกษตรประเทศไทย
          ดังนั้นในการหนุนเคลื่อนนโยบายเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบาย (policy advocacy for policy change) ด้านเกษตรและอาหารจึงเรียกร้องพลังผู้บริโภคที่มากกว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคโดยการปรับกระบวนทัศน์ว่าด้วย 'คุณเป็นอย่างที่คุณกิน'(you are what you eat) ให้ครอบคลุมถึงการมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อปลดล็อกสมการความไม่ปลอดภัย เพราะการเลือกบริโภคอาหารมังสวิรัติ หรือการซื้อหาอาหารในโมเดิร์นเทรดต่างๆ ใช่จะปราศจากสารพิษตกค้างเพราะปัจจุบันยังมีการใช้สารพิษ4 ชนิดนี้ในผักผลไม้ยอดนิยมจำนวนมาก
 pageview  1205147    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved