Follow us      
  
  

ผู้จัดการรายวัน [ วันที่ 08/02/2555 ]
5 โรคอันตรายทำร้าย "ดวงตา"
          หากพูดถึง "ดวงตา" คนส่วนใหญ่มักรู้จักเพียงหน้าที่ที่ใช้ในการมองเห็นเท่านั้น ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักวิธีถนอมดวงตาอวัยวะอันสำคัญนี้ บางคนปล่อยละเลยจนสิ่งแปลกปลอมเข้าไปทำร้ายดวงตา บางคนใช้งานจนลืมพักผ่อน ฯลฯ กระทั่งรู้ตัวอีกที สายตาคู่สำคัญก็เสื่อมสภาพไปแล้ว
          รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ประธานราชวิทยาลัย จักษุแพทย์แห่งประเทศไทย หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ได้ลำดับโรคที์สำคัญเกี่ยวกับดวงตาที่ต้องระวัง 5 โรคประกอบด้วย     1. โรคต้อหิน  2. ต้อกระจก 3. กระจกตาติดเชื้อ 4. จอประสาทตาลอก และ 5. โรคตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์
          1. โรคต้อหิน นั้นถือว่าเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการตาบอดอันดับ 1 ในคนทั่วโลก  สามารถเกิดได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุหลักมาจากการเกิดความดันในลูกตา  สูงเกินไป ใช้ยาหยอดตาที่มีสเตียรอยด์ และบางรายเกิดจากกรรมพันธุ์คือ มีญาติเป็นต้อหินมาก่อน ซึ่งหากเป็นแล้วแพทย์จะรักษาโดยการยิงเลเซอร์ และใช้ยาหยอดตาร่วม หากอาการรุนแรงก็จะใช้วิธีการผ่าตัด เพื่อเปิดทางระบายน้ำในตาให้ความดันตาลดลง     เพื่อป้องกันตาบอด สำหรับวิธีป้องกันที่ดีที่สุดได้แก่การตรวจวัดความดันตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งและพยายามหลีกเลี่ยงการซึ้อยาหยอดตามาใช้เองในกรณีเกิดอาการระคายเคืองลูกตา
          2. โรคต้อกระจกสำหรับวัย 50ขึ้นไปหากไม่มีประวัติการป่วยต้อหินแล้วก็ควรเฝ้าระวัง  เนื่องจากโรคนี้เพราะถือได้ว่าเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะตามัวแบบถาวร   เนื่องจากเลนส์ตาจะเสื่อมตาจึงพร่ามีหมอก มัวบริเวณตาดำ ซึ่งพบได้บ่อยในบุคคลที่ป่วยโรคเบาหวาน   และความดัน การรักษาทำได้วิธีเดียวคือสลายเลนส์เสียทิ้งแล้วใส่แก้วตาเทียม เพื่อให้ดวงตาใสเป็นปกติ  ซึ่งหากรักษาไม่ทันอาจเสี่ยงเกิดต้อหินแทรกซ้อนได้ วิธีการป้องกัน ต้อกระจกจะคล้ายๆ กับต้อหิน คือ หลีกเลี่ยงการใช้ยา  สเตียรอยด์ และต้องตรวจความดันตาปีละ 1-2 ครั้ง รวมทั้งป้องกันดวงตาไม่ไห้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงด้วย
          3. ภาวะกระจกตาติดเชื้อ ใช่ว่าวัยสูงอายุเท่านั้นที่จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกี่ยวกับดวงตาแต่วัยรุ่นที่นิยมใช้คอนแทกต์เลนส์ทั้งแบบแฟชั่น หรือแบบใช้แก้ปัญหาสายตาสั้นก็เสี่ยงที่จะเกิดได้ง่าย ซึ่งส่วนมากเกิดจากการใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาด ฝุ่นเข้าตาบ่อย  และการเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย เช่น การเกิดใบไม้ กระดาษบาดตา ทำให้ระคายเคือง แสบ และปวดเบ้าตา บางรายจะตาแฉะมีขี้ตาสีเขียวอมเหลือง เกิดขึ้นผิดปกติ หรือตาแดง หากเกิดอาการดังกล่าวหลายวันแนะนำว่าให้ รีบไปพบจักษุแพทย์ เพื่อวินิจฉัย และรับยา ฆ่าเชื้อที่เหมาะสม ก่อนที่เชื้อแบคทีเรียและ
          เชื้อราจะลามไปทำลายเนื้อเยื่อและประสาทตามากขึ้น ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงตาบอดได้เช่นกัน
          4. โรคจอประสาทตาลอกโรคนี้มักเกิดอาการตามัว พร่า คล้ายต้อกระจก พบมากในผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนกับดวง ตา หรือคนที่มีสายตาสั้นมากๆ ตั้งแต่ 500-600 ขึ้นไป อาการเตือนของโรคคือ มองเห็นเหมือนจุดหรือหยากไย่ลอยไปมา หรือเห็นเป็นแสงเหมือนฟ้าผ่า  หากพบว่ามีอาการเช่นนี้แสดงว่า น้ำวุ้นลูกตาแห้ง จากนั้นวุ้นลูกตาจะเสื่อมสภาพ  หากมีบริเวณที่วุ้นติดกับจอประสาทตามากกว่าปกติจะส่งผลทำให้เกิด การดึงรั้งจอประสาทตาเวลาที่วุ้นตาหดตัวและดึงรั้งจอประสาทตา  เมื่อมีอาการเช่นนี้ควรไปพบจักษุแพทย์ เพราะถ้าปล่อยไปเรื่อยๆประสิทธิภาพในการมองเห็นจะลดลง  เพราะจะเริ่มมีม่านดำเป็นบางบริเวณ และจะเริ่มมองไม่เห็นในที่สุด
          ส่วนการรักษาหากอาการยังอยู่ในช่วงเตือนรักษาได้โดยการฉายแสงเลเซอร์ แต่หากอาการถึงขั้นมองไม่เห็น ก็รักษาด้วยการผ่าตัดให้กลับมามองเห็นเหมือนเดิมได้
          5. ปัญหาดวงตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ ขณะที่เด็ก เยาวชน และวัยทำงานนั้นมักพบ์ เช่น อาการปวดเมื่อยดวงตา เบ้าตา เนื่องจากการเพ่งมองนานเกินไป นอกจากนี้ยังมีปัญหา จากการใช้คอมพิวเตอร์ ที่พบในเด็กติดเกมและ ติดอินเทอร์เน็ตอีกอย่าง ที่สำคัญ คือ  ภาวะสายตาสั้นเทียม อาการเริ่มจากการเมื่อยตา และตาพร่ามัว มองไม่ชัด อาการจะเกิดค้างนานเป็นวัน  ดังนั้นข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ คือ การหยุดพักสายตาทุกๆ 30 นาที โดยพักนานประมาณ 4-5 นาทีและกระพริบตาให้สม่ำเสมอ ประมาณ 10-15 ครั้งต่อนาที เพื่อป้องกันภาวะตาแห้ง และจัดการสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ในที่ๆ มีแสงไม่มืด หรือ สว่างจนเกินไป และพยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่ซึ่งลมโกรกแรง
          "ปัจจุบันนี้แม้จะมีคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ผู้ผลิตพัฒนาหน้าจอที่ถนอมสายตาเป็นอย่างดีแล้ว แต่หลายคนก็เสพติดการใช้ จนมากเกินที่สายตาจะได้พัก ดังนั้นจึงควรใช้แต่พอดี เพื่อป้องกันผลกระทบอาจเกิดขึ้น อย่างน้อยสายตาก็จะมีประสิทธิภาพ ใช้งานได้ดีและยาวนาน" รศ.นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวย้ำ
 pageview  1205129    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved