Follow us      
  
  

ผู้จัดการรายวัน [ วันที่ 06/03/2562 ]
ฝุ่น PM 2.5 ภัยร้ายในดวงตาเด็ก แนะ 3 วิธีล้างตา

 แม้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล จะลดลงจาก สภาพอากาศที่ปลอดโปร่งขึ้น แต่ปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือยังคงน่าเป็นห่วง ซึ่งมาจากการเผาในพื้นที่โล่งเป็นหลัก โดยปัญหาที่น่าห่วง คือ ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อดวงตาของเด็กได้
          นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญที่ละเอียดอ่อน ถูกกระทบ ได้ง่ายจากการสัมผัสโดยตรงกับฝุ่นมลภาวะในอากาศ โดยเด็กและผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 20-40 ปี เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะเกิดปัญหาทางตาจากมลภาวะทางอากาศ
          ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือฝุ่น PM 2.5 อาจส่งผลให้ดวงตาเกิดการระคายเคือง แต่อาการผิดปกติเหล่านี้มักเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับดวงตา ยกเว้นเด็กที่มีความผิดปกติกับดวงตา เช่น มีประวัติเดิมเป็นภูมิแพ้ ภูมิแพ้ขึ้นตา อาจทำให้มีอาการเคืองตาหรือตาแดงมากกว่าปกติ โดยจะมีการระคายเคือง เล็กน้อยจนถึงระคายเคืองมาก รู้สึกไม่สบายตาเรื้อรัง เช่น เคืองตา คันตา รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา ตาแห้ง
          "เด็กอาจจะขยี้ตาบ่อยๆ กะพริบตาหรือขยิบตาถี่ๆ ตาแดงเป็นๆ หายๆ หรือรุนแรงถึงขั้นเยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาอักเสบ และกระจกตาถูกทำลายในระยะยาว ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นมลภาวะอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาวะตาแห้ง ถ้าเป็นในระยะเวลาต่อเนื่องนานๆ อาจทำให้ เกิดการทำลายกระจกตาได้เช่นกัน และส่งผลต่อการมองเห็น ในระยะยาว เช่น ตาพร่ามัวลง มีปัญหาเรื่องการมองเห็นสี เป็นต้น" นพ.สมศักดิ์ กล่าว
          ด้าน พญ.สุมาลิน ตรัยไชยาพร หัวหน้ากลุ่มงานจักษุ วิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า หากพบเด็กมีอาการแสบตาหรือเคืองตามาก โดยสันนิษฐานว่า มาจากฝุ่นละออง หรือฝุ่นควันต่างๆ ควรปฏิบัติดังนี้
          1. ใช้น้ำสะอาดล้างดวงตาอาจเป็นน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว หรือใช้น้ำเกลือล้างแผล โดยให้น้ำไหลผ่านดวงตาล้างเอาเศษฝุ่น ออก
          2. ถ้ามีน้ำตาเทียมสำหรับหยอดตา สามารถใช้ล้างบริเวณดวงตาได้ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าการใช้น้ำยาล้างตาที่เป็นสารเคมี
          3. ให้เด็กกะพริบตาถี่ๆ เพื่อช่วยให้ฝุ่นหลุดออกมาเร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการขยี้ตา ไม่ควรใช้สำลีหรือของมีคมอื่นๆ มาสัมผัส ลูกตาหรือคีบออก เพราะอาจทำให้ผิวกระจกตาถลอกได้
          สำหรับการป้องกัน เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่ยากต่อการป้องกันการสัมผัสฝุ่นมลภาวะ ต่างจากจมูกหรือปากที่สามารถ ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงเด็กจากการ อยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นควันหนาแน่น หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรม นอกบ้านในช่วงปริมาณค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่ระดับสีเขียว (26- 37 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ขึ้นไป และหากค่า PM 2.5 อยู่ในระดับสีแดง (91 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ขึ้นไป ไม่ควรออกนอกบ้าน
          ทั้งนี้ ผู้ปกครองสามารถติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้จาก เว็บไซต์กรมอนามัย  (www.anamai.moph.go.th) หรือ Application Air4Thai จากกรมควบคุมมลพิษ
          หากมีอาการระคายเคืองหรือแสบตา ไม่ควรขยี้ตา ให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือใช้น้ำตาเทียมหยอดตา ให้เด็กสวมใส่แว่น กันแดด เพื่อป้องกันฝุ่นและลมเป็นประจำเมื่อออกจากบ้าน โดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวภูมิแพ้ หรือมีภูมิแพ้บริเวณดวงตา ควรสวมใส่แว่นตาชนิดมีขอบด้านบนและด้านข้าง เนื่องจากแว่นตาทั่วไปไม่สามารถป้องกันฝุ่นควันที่เข้าตาจากด้านข้างได้
          สำหรับเด็กที่ใส่คอนแทกเลนส์ หากต้องอยู่ในที่ที่มี ฝุ่นควันเยอะควรใช้แว่นตาแทน เพราะการใส่คอนแทกต์เลนส์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ดวงตาได้ นอกจากนี้ควรปลูกต้นไม้เพื่อดักฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ ผู้ปกครองควรงดการเผาใบไม้ เผาขยะ และไม่ควรติดเครื่องยนต์เป็นเวลานานในบริเวณบ้าน
          "หากพบว่าเด็กมีอาการเหล่านี้ เช่น ตาแดงมาก ขี้ตา สีเขียวหรือสีเหลืองแสดงว่ามีการติดเชื้อ เจ็บหรือปวดตา รุนแรง มีปัญหาการมองเห็น ตามัวลง เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน มองเห็นแสงกระจายเป็นรัศมีรอบๆ มีเลือดออกในตา ควรรีบมาพบจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน" พญ.สุมาลิน กล่าว .

 pageview  1205090    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved