สสส.ร่วมกับจุฬาฯ ชี้ผลวิจัยข้าราชการไทย 1 ใน 3 ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิต เตรียมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานองค์กร ภาครัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตข้าราชการไทย สู่การพัฒนาโครง การสร้างชาติ และอาเซียน
ดร.ศิริเชษฐ์ สังขะมาน หัวหน้าโครงการ "แผนงานสร้างเสริมคุณภาพชีวิตการทำงานองค์กรภาครัฐ" สถาบันวิจัยสังคม จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า จากรายงานผลวิจัยตามยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการพลเรือนสามัญประจำปี 2554-2556 โดยสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า 1 ใน 3 ของข้าราชการมีหนี้สินเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและยานพาหนะแต่ยังผ่อนชำระไม่หมดกว่า 20% มีความเครียดสูง ซึ่ง 5% ในกลุ่มนี้จัดว่ามีความเครียดสูงมาก และยังมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ โดยมีอัตราของผู้มีโรคประจำตัวมากถึง 1 ใน 3 ของข้าราชการทั้งหมด ซึ่งปัญหาหลักเกี่ยวกับการทำงานและคุณภาพชีวิตในภาพรวมของข้าราชการไทย ยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการผลักดันตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ว่าด้วยการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตการทำงานสำหรับทรัพยากรบุคคลภาครัฐที่ดีพอ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงระดับโครงสร้างการพัฒนาประเทศ
ดังนั้นจึงได้เกิดความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบัน วิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ช่วยเหลือเรื่องกรอบการทำงานในภาพรวม ซึ่งมีแนวคิดต้นแบบจาก น.พ.ชาญวิทย์ วสันธนารัตน์ ผอ. สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. ในเรื่องการชี้ให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบ ที่เริ่มจากการปรับปรุงคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการให้ดีขึ้น และทำให้สังคมเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดี
โดยมียุทธศาสตร์หลักซึ่งใช้เป็นแกนในการขับเคลื่อนโครงการอยู่ชุดหนึ่ง คือการให้ความรู้ ที่จะเริ่มจากการฝึกอบ รมในส่วนราชการระดับกรม, การสนับสนุนให้เกิดการสร้างสื่อเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน, สุด ท้ายคือการผลักดันเชิงนโยบายใน 2 ด้าน คือจัดให้ส่วนราชการที่เข้าร่วมนำกิจกรรมที่เรียนรู้กลับไปปฏิบัติจริง ส่วนอีกด้านหนึ่ง คือมีเวทีแสดงความคิดเห็นเชิงสุนทรียสนทนาในระดับผู้บริหารของหน่วยราชการที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะช่วยในแง่ของกระแสที่จะแผ่ออกไปเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทางโครงการนำมาใช้ คือหลักความสุข 8 ประการ ซึ่งเริ่มต้นโดย สสส. และทางสถาบันวิจัยสังคม ได้นำมาใช้ขับเคลื่อนให้โครงการได้ดำเนินไป ควบคู่กับความคิดในเรื่องการตอบแทนสังคม ยิ่งในอนาคตเมื่อมีเรื่องของประชาคมอาเซียน มีสังคมของอีก 9 ประเทศเข้ามาเกี่ยว ข้อง ยิ่งจำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรบุคคลในภาครัฐให้พร้อมทั้งกายใจ เพราะเมื่อข้าราชการมีคุณภาพชีวิตการทำงานก็จะดีไปด้วย