Follow us      
  
  

โพสต์ทูเดย์ [ วันที่ 07/08/2555 ]
หยุดไข้หวัด ภูมิแพ้ตัวถ่วงความเจริญ

  พยากรณ์อากาศมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
          อากาศครึ้มฟ้าลมฝนกระหน่ำช่วงนี้ ไข้หวัดจึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้แล้วยิ่งใครเป็นภูมิแพ้ด้วยแล้วอาการยิ่งหนักเข้าไปอีก กลายเป็นความคุ้นเคยกันถ้วนหน้า และมักคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่ทราบหรือไม่ว่าในยุคนี้ทั้งสองโรคเป็นตัวถ่วงความก้าวหน้าอย่างมาก แถมยังกระตุ้นโรคประจำตัวต่างๆ ให้รุนแรงขึ้นได้
          ในงานเสวนา เรื่อง"หยุดไข้หวัดภูมิแพ้ ตัวถ่วงความเจริญ" ซึ่งจัดโดยความร่วมมือระหว่างบริษัท ดีคอลเจนและโรงพยาบาลพญาไท 2 นพ.อธิกแสงอาสภวิริยะ อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้ของโรงพยาบาลและนักแสดงสาวมากความสามารถ นัท มีเรียพร้อมพิธีกรคุณแม่ยังสาว ที่มีดีกรีเภสัชกรด้วย "โน้ต" ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล ร่วมกันให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์...
          ทุกวันนี้ไข้หวัดและภาวะโรคภูมิแพ้ทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนก ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเกิดสาเหตุหลายประการ ทั้งจากการที่มีเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆอีกทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศที่ทำให้เกิดการระบาดของโรคอย่างเร็วและกว้างขวางขึ้น
          ตลอดจนการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุลของคนสมัยใหม่ เช่น พักผ่อนน้อย ไม่ออกกำลังกาย เครียด สูบบุหรี่จัดรับประทานอาหารไม่ถูกสุขอนามัยและหลักโภชนาการ ทำให้เป็นโรคอ้วน ภูมิต้านทานในร่างกายลดลงและทำให้ป่วยบ่อยมากขึ้นโรคหวัดไม่ใช่เรื่องเล็ก
          "เมื่อร่างกายอ่อนแอลงทำให้ติดไข้หวัดหรือเกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่าย ส่งผลต่อการงานอย่างมาก เช่น ถ้าวันนั้นจะต้องไปสัมภาษณ์งาน หรือต้องพรีเซนต์งานใหญ่กับลูกค้า แต่เกิดเป็นโรคหวัด ไอจาม หรือเกิดภาวะภูมิแพ้น้ำมูกไหล หน้าตาบวม ผลก็คือเสียสมาธิ เสียบุคลิก เสียความมั่นใจ แถมเป็นที่รังเกียจ ท้ายที่สุดคืออาจพลาดโอกาสทองของงานนั้นไปอย่างน่าเสียดาย" นพ.อธิก ให้ความรู้ว่าจากประสบการณ์ในการดูแลรักษาคนไข้ พบว่ามีผู้ป่วยถึง 20 เปอร์เซ็นต์ที่ปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดและภูมิแพ้อย่างเรื้อรัง จนลามไปเป็นโรคทางเดินหายใจอื่นๆที่หนักยิ่งขึ้น เช่น ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม โรคหืด โรคริดสีดวงจมูก
          โรคเหล่านี้สร้างความเสียหายได้มากขึ้น เพราะบางรายถึงกับต้องขาดงานบ่อยๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อการพิจารณาเงินเดือนหรือเลื่อนตำแหน่งได้โดยปริยาย
          "นอกจากนี้ ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา แพทย์ก็พบด้วยนะครับว่า30% ของผู้ป่วยวัยทำงานอายุ 35-50 ปี ที่เข้ามารักษาโรคหวัดหรือภูมิแพ้นั้นจะมีโรคประจำตัวติดตัวมาด้วยไม่โรคใดก็โรคหนึ่ง ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าวัยชราเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต โรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่จัด ฯลฯ ทั้งนี้เป็นเพราะการใช้ชีวิตที่สมบุกสมบัน ขาดสมดุลทำให้เป็นโรคประจำตัวกันเร็วขึ้น เมื่อใดที่เกิดเป็นไข้หวัดหรือภูมิแพ้ก็จะมีผลให้โรคประจำตัวเหล่านั้นทรุดลง โดย 1 ใน 4 ของผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ถึงกับต้องหยุดงานในช่วงนั้นอย่างน้อยหนึ่งวัน
          ในจำนวนนั้นมีประมาณ 5-10% ที่ต้องถึงกับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เสียงานเสียการเท่านั้น ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวอีกมากด้วย แต่สำหรับในผู้สูงอายุ เคยเจอว่าอาการทรุดหนักจนเสียชีวิตก็มี" นพ. อธิกกล่าวเสริม
          นัท มีเรีย นักร้องสาว เล่าให้ฟังว่าเคยคิดเหมือนกันว่าโรคหวัดเป็นเรื่องเล็กแต่เมื่อปีที่แล้วตอนเตรียมงานละครเวทีทวิภพเดอะมิวสิคัล ซ้อมหนัก พักผ่อนน้อยเริ่มมีอาการเหมือนภูมิแพ้ แล้วลุกลามไปเป็นคออักเสบ ไซนัสอักเสบ และกรดไหลย้อน "อาการหนักจนต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน หมอต้องให้ยาขยายหลอดลม ให้ยาฆ่าเชื้อเต็มที่และให้นอนพักเต็มที่ ต้องหยุดซ้อมไปหลายวัน ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเกิดเป็นตอนที่ละครกำลังแสดงจริงๆ แล้วเราไปแสดงไม่ได้นี่จะเป็นอย่างไร นักแสดงอื่นๆคนดูอีกเป็นร้อยๆ เป็นพันคนรอเราอยู่ คงแย่เลย"อย่าลืมสุขบัญญัติ 10 ประการ
          นักแสดงคนเก่ง นัท บอกว่า ตอนนี้จึงปรับวิถีชีวิตใหม่ 3 เรื่องใหญ่คืออาหาร น้ำ กับพักผ่อน นัทเคร่งครัดกับอาหารขึ้นมาก กินตรงเวลา เลี่ยงอาหารรสจัด เน้นกินผักต้มที่ย่อยง่ายและปลอดสารพิษ
          นอกจากนี้ ก็พกกระติกน้ำจิบตลอดวันให้ได้ 2 ลิตรเลยทีเดียว ส่วนเรื่องการพักผ่อนต้องพยายามนอนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้ไม่ทรุดโทรม ไม่เป็นหวัดง่าย
          "ตอนนี้กลัวค่ะว่าเป็นหวัดแล้ว จะกลายไปเป็นลุกลามไปโรคอื่นๆต่ออีกเพราะฉะนั้นอยากฝากให้ทุกคนดูแลตัวเอง พยายามไม่ให้เป็นไข้หวัดจะดีที่สุดค่ะ" นัท กล่าว
          พิธีกรสาวว่าที่คุณแม่ลูกสอง "โน้ตณัฐกานต์" ร่วมแชร์ประสบการณ์ว่าปกติก็ดูแลตัวเองเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหวัด เพราะห่วงสุขภาพตัวเองจะทำให้เสียงานเสียการไปได้แล้วช่วงนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็ยิ่งต้องดูแลตัวเอง
          มากยิ่งขึ้น ต้องเน้นรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆนอนหลับให้เพียงพอ และต้องหมั่นออกกำลังกายด้วย "โน้ตชอบว่ายน้ำมากๆ ค่ะ แต่พอท้องก็ต้องปรับการออกกำลังกายในน้ำสำหรับคนตั้งครรภ์ ก็ทำให้โอกาสที่จะเป็นหวัดน้อยลง แต่เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะเป็นหวัดก็จะดื่มน้ำผึ้งรับประทานน้ำมันมะกอกสัก 1 ช้อนโต๊ะ ก็ช่วยได้ค่ะ" ณัฐกานต์ เผยวิธีการง่ายๆ กับการดูแลสุขภาพห่างไกลหวัด
          นพ.อธิก กล่าวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพว่า "คนส่วนใหญ่คุ้นกับบัญญัติ10 ประการ ที่จะทำให้สุขภาพอนามัยดีแต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ใส่ใจอีกส่วนหนึ่งที่พยายามจะทำแต่ก็ทำไม่ถูกต้อง ซึ่งหมอขอให้ความรู้เพิ่มเติม เช่น ที่บอกว่าควรนอนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงนั้น หมายถึงการนอนยาวรวดเดียวเลย ไม่ใช่มาแบ่งงีบนอนเป็นพักๆ ระหว่างวันอย่างที่นักบริหารชอบทำกัน แบบนั้นไม่ได้ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออย่างเต็มที่
          หรือการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่นั้น เป็นเรื่องสำคัญมากนะครับมีนักโภชนาการระดับแถวหน้าหลายคนแนะนำว่า ช่วงอากาศเปลี่ยนควรจะเสริมด้วยการบริโภคอาหารที่มีธาตุร้อน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ เพราะจะเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย นอกจากนี้ควรเคร่งครัดเรื่องดูแลบ้านช่องห้องทำงาน และรถให้สะอาดเสมอ ไม่ใช่เฉพาะผ้าปูเตียงกับปลอกหมอนนะครับ ผ้าม่านและพรมนี่ก็สำคัญซึ่งคนมักจะมองข้ามไป ถ้าใครรักสุขภาพตัวเองจริงๆ ก็ควรทำได้อย่างน้อยสัก4-5 ข้อ ก็จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว"
          ในเรื่องของการใช้ยาบรรเทาโรคหวัดและภูมิแพ้ นพ.อธิก อธิบายว่าการใช้ยาแก้หวัดและภูมิแพ้ต้องใช้ให้ถูกต้อง และเลือกให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของแต่ละคน "ยาแก้หวัดและภูมิแพ้แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก คือ ยาที่มีตัวยาคลอเฟนิรามีนผสมกับเฟนิลเอฟริน โดยคลอเฟนิรามีนช่วยลดการคัดจมูก ส่วนเฟนิลเอฟรินช่วยลดการคั่งในโพรงจมูกทำให้จมูกโล่ง ยาประเภทนี้ทำให้ผู้ป่วยง่วง ซึ่งการได้นอนหลับก็คือการได้พักผ่อน ร่างกายได้ฟื้นฟูสภาพตัวเองให้กลับมาแข็งแรง สดชื่นขึ้น
          ยาอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ยาที่ไม่มีส่วนผสมของคลอเฟนิรามีน ยากลุ่มนี้จะไม่ทำให้ง่วง เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหน้าเครื่องจักรหรือคนที่ขับยานพาหนะ ซึ่งถ้าคุณกำลังจะต้องไปประชุมงานสำคัญ ลาหยุดนอนพักไม่ได้ ยากลุ่มนี้ก็จะเหมาะกว่า ดังนั้นก่อนจะซื้อยาควรปรึกษาเภสัชกร หรือคุยกับคุณหมอให้ชัดเจน จะได้เข้าใจถึงคุณสมบัติของยาและเลือกใช้ได้เหมาะสมและปลอดภัย"

 pageview  1205849    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved