ปลายเดือนเมษายนนี้โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์หรือเอสไอพีเอช (SiPH)โรงพยาบาลแห่งใหม่ในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ พร้อมเปิดให้บริการเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นแบรนด์ลูกของโรงพยาบาลศิริราช แต่มีแนวทางการบริหารจัดการที่มีความคล่องตัวลักษณะเดียวกับโรงพยาบาลเอกชนอาคารให้บริการดีไซน์ทันสมัย พร้อมดูแลลูกค้าที่สามารถรับภาระค่าบริการด้วยตนเองได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่พึ่งพาสวัสดิการของภาครัฐ

          ซึ่งก่อนหน้านี้ ศิริราชได้เริ่มโมเดลดังกล่าวผ่านโครงการนำร่อง The heart by Siriraj หรือศูนย์ตรวจรักษาโรคหัวใจขั้นสูง ในขณะที่โรงพยาบาลรัฐบาลอื่น ๆ ได้หันมาพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ คลินิกพิเศษหลังเวลาให้บริการปกติ รีโนเวตอาคารทันสมัย เพิ่มความรู้สึกประทับใจในการเข้ามาใช้บริการ

          ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนที่มุ่งดูแลลูกค้าระดับระดับกลาง ก็มีการขยายตลาดไปจับกลุ่มลูกค้าระดับบนเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ อาทิ เดอะเวิลด์ เมดิคัล แจ้งวัฒนะ ของกลุ่มเกษมราษฎร์ จะให้บริการต้นเดือนตุลาคมนี้ จับกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมแมสและปีถัด ๆ ไปจะทยอยสร้างที่ชลบุรีและรามคำแหง ส่วนโรงพยาบาลสุขุมวิทของกลุ่มรามคำแหง ขนาด 350 เตียง จับกลุ่มลูกค้าบีบวกขึ้นไปและต่างชาติ ซึ่งจะเปิดให้บริการปลายปีนี้หรือต้นปี 2556

          ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นว่า 10 ปีก่อนโรงพยาบาลเอกชนมุ่งดูแลลูกค้าต่างชาติ แต่ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนมีแนวโน้มขยายตลาดให้ครอบคลุมพื้นที่และแข่งขันดูแลลูกค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น ขณะที่โรงพยาบาลรัฐก็มีการปรับตัวเพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการดูแลคนไข้มากขึ้น เชื่อว่าไม่กระทบฐานลูกค้าของเอกชน เนื่องจากโพซิชันนิ่งไม่ทับซ้อนกัน

          "เอกชนหันมาเก็บพีระมิดขอบบนเยอะขึ้น แบ่งเป็นตลาดเอ 1 หรือนิชพรีเมี่ยม ดูแลลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ตลาดเริ่มแคบเข้า ประกันร่วมจ่ายก็แพงขึ้น ส่วนเอ 2 และเอ 3 หรือพรีเมี่ยมแมสตลาดใหญ่กว่า โรงพยาบาลของรัฐหันมายกระดับบริการสู่ความเป็นพรีเมี่ยมและซูเปอร์พรีเมี่ยม"

          ที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี และแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ประกอบด้วย1.กลุ่มที่มุ่งดูแลคนไข้ระดับบนทั้งคนไทยและต่างชาติ 2.กลุ่มที่เน้นดูแลผู้ป่วยระดับบนเฉพาะคนไทย และ 3.กลุ่มที่เน้นดูแลผู้ป่วยระดับกลาง ส่วนกรณีSiPH อาจเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดบ้างด้วยจุดแข็งด้านบุคลากรและความพร้อมด้านเครื่องมือ

          และเชื่อว่ากลุ่มที่ 2 และ 3 จะปรับตัวมากขึ้น ขณะที่กลุ่มแรกยังได้เปรียบในแง่ประสบการณ์การดูแลคนไข้ต่างชาติมานาน

          สำหรับ SiPH ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่จะพัฒนาศิริราชให้เป็นสถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ของสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช

          รศ.น.พ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณินผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เล่าว่า เป็นอีกมิติหนึ่งทางการแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลซึ่งในเชิงโรงพยาบาลของรัฐ แต่นำระบบไอทีเข้ามาช่วยจัดเก็บข้อมูลและการบริหารอำนวยความสะดวกรวดเร็ว ชูความแตกต่างในด้านของการให้บริการรักษา ซึ่งนอกจากบริการทางการแพทย์ทุกสาขายังเป็นศูนย์กลางในการรักษาโรคซับซ้อนที่รักษายาก

          โดยค่ารักษาพยาบาลอยู่บนความสมเหตุสมผลกับต้นทุน ซึ่งบางรายการอาจจะเทียบเท่าหรือมากกว่าหรือถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชนอื่น ๆ โดยต้องการทำกำไรไม่เกิน 10-12% และนำรายได้จากการดำเนินงานนำกลับไปพัฒนาทางการแพทย์และผู้ป่วยของศิริราชและพัฒนาเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์

          "ไม่ต้องการแข่งขันกับเอกชนรายอื่น ๆ แต่ยอมรับว่าอาจแชร์ส่วนแบ่งบ้าง ซึ่งจากโครงการ The heart by Siriraj มีคนไข้ 8,000 คน แบ่งสัดส่วนคนไข้ใหม่ 80% คาดว่า SiPH จะมีลูกค้าใหม่สัดส่วนใกล้เคียง"

          "วันนี้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานศิริราช แต่ไม่สามารถเข้าถึง เนื่องจากปัจจัยด้านเวลาที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ถ้าเปรียบเหมือนเครื่องบินก็ต้องการรองรับลูกค้าหลาย ๆ กลุ่ม เดิมมีชั้นอีโคโนมี ก็ยังเมนเทนไว้มากที่สุด ชั้นบิสซิเนสก็มีห้องพิเศษและบริการนอกเวลา แต่ตอนนี้จะเปิดชั้นเฟิรสต์คลาส แต่ก็ยังมีสัดส่วนแค่ 10% เอสไอพีเอชมี 300 เตียง ศิริราชมีถึง 2,500 เตียง"

          น่าจับตาว่าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนจากนี้จะทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ในแง่ของกลยุทธ์เด็ด ๆ ที่จะออกมาพิชิตใจลูกค้า