Follow us      
  
  

กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 15/03/2555 ]
ผู้ป่วยฉุกเฉินรับสิทธิเข้ารักษาฟรีทุกรพ.

            นายกรัฐมนตรี ประกาศจัดบริการผู้ป่วยฉุกเฉินทุกสิทธิ ทั้ง รพ.รัฐ-เอกชนทั่วไทย ไม่มีการถามสิทธิ ไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า พร้อมวางมาตรการควบคุมราคายา การบริโภคยา และระบบการสร้างสุขภาพ ป้องกันโรคคาดเริ่มใช้ระบบรักษาพยาบาลฉุกเฉินพร้อมกัน 1 เม.ย.นี้ สปส.รับลูกชงบอร์ดแก้ประกาศการแพทย์ 3 เม.ย.ให้มีผลย้อนหลัง คาดใช้งบเพิ่ม 120 ล้านบาท 
          การจัดเชิงนโยบายเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง 3 กองทุนประกันสุขภาพภาครัฐ โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมประชุม
          น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง 3 กองทุนประกันสุขภาพภาครัฐ ประกอบด้วย กองทุนสวัสดิการข้าราชการ กองทุนประกันสังคม และกองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
          นายวิทยา เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ติดตาม 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1. ความพร้อมการบูรณาการ ดูแลร่วมผู้ป่วยฉุกเฉิน ภายใต้มาตรฐานเดียวกันของ 3 กองทุน โดยไม่มีการถามสิทธิ และไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้า 2. มาตรการควบคุมราคายา และการบริโภคยาระยะยาว 3. มาตรการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ส่วนความคืบหน้าของการเตรียมความพร้อมให้บริการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินของ 3 กองทุนนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้ 3 หน่วยงานจัดเตรียมแผนปฏิบัติการแก้ไขระเบียบกองทุน เพื่อให้เกิดเอกภาพคล่องตัว ไม่ส่งผลกระทบกับโรงพยาบาลที่ให้บริการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บริหาร โรงพยาบาลภาครัฐ ทั้งในและนอกสังกัด และรวมทั้ง รพ.เอกชนทั่วประเทศแล้ว
          ให้บริการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินตามระบบปกติของทั้ง 3 กองทุน และจะดูแลจนกว่าผู้ป่วยจะอาการทุเลาและกลับบ้านได้ หรือส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในระบบ โดยไม่ต้องมีระยะเวลาสิ้นสุด 72 ชั่วโมงเหมือนที่ผ่านมา ซึ่ง สปสช.จะเป็นศูนย์กลางติดตามการเบิกจ่ายค่าบริการ พร้อมทั้งจัดเตรียมสายด่วน 1330 ไว้ให้บริการข้อมูลแก่ประชาชน นายวิทยากล่าว
          เร่งทำมาตรการคุมราคายา
          ส่วนมาตรการควบคุมราคายาและการบริโภคยาระยะยาวนั้น ที่ประชุมมอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกับ 3 กองทุน จัดทำมาตรการเพื่อควบคุมราคายา และการบริโภคยา เช่น การรวมซื้อยาที่ส่วนกลาง หรือการต่อรองราคายา และส่งเสริมการสั่งยาโดยการใช้ชื่อสามัญทางยา เป็นต้น
          ส่วนนโยบายการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ได้ให้ 3 กองทุนสุขภาพ และสำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. บูรณาการ ร่วมกันเสนอประเด็นลดพฤติกรรมเสี่ยงที่สำคัญ และลดการเจ็บป่วย ซึ่งจะมีผลในการลดความจำเป็นในการเข้าสู่บริการบำบัดรักษาใน 5 เรื่องสำคัญในเบื้องต้นให้เกิดประสิทธิภาพ ได้แก่ 1. การพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะและส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 2. พัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชนในระดับตำบล เพิ่มพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กเยาวชน ลดพฤติกรรมเสี่ยงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด
          3. พัฒนาระบบการให้บริการเพื่อช่วยเลิกสูบบุหรี่ 4. พัฒนาระบบการให้บริการเพื่อช่วยเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 5. การดูแลผู้ป่วยในช่วงสุดท้ายของชีวิต เผชิญความตายอย่างสงบ ปราศจากความเจ็บปวด
          ดีเดย์ 1 เม.ย.เริ่มให้บริการ
          นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการพัฒนาระบบบริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน รวมถึงกรณีประสบอุบัติเหตุ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้ง 3 ระบบ ได้แก่ ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ระบบประกันสังคม และระบบสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใดก็ได้ทั้ง รพ.รัฐและเอกชน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และให้การรักษาจนพ้นภาวะที่จำเป็น ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยมีข้อตกลงทั้ง 3 ระบบจะใช้มาตรฐานเดียวกัน หากผู้ป่วยไปใช้บริการนอกระบบที่ตนเองมีสิทธิอยู่ ก็ให้คิดค่ารักษาในอัตรา 10,500 บาทต่อระดับความรุนแรงของโรค (RW) และคิดค่ารักษากรณีรักษาพยาบาลทั่วไป เช่น การทำแผล จากอุบัติเหตุ ก็ให้คิดตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้
          ตั้งค่าหัวบริการ 10,500 บาท
          ในส่วนของประกันสังคมที่ต้องมาดำเนินการต่อ จะมีการเสนอแก้ไขประกาศเรื่องหลักเกณฑ์และอัตราการบริการกรณีอุบัติเหตุการเจ็บป่วยฉุกเฉิน และประสบอันตราย โดยกำหนดให้กรณีผู้ป่วยระบบอื่นมาใช้บริการใน รพ.เครือข่ายระบบประกันสังคม ก็ให้คิดค่ารักษาพยาบาลในอัตรา 10,500 บาทต่อระดับความรุนแรงของโรค (DRG) และคิดค่ารักษาพยาบาลทั่วไปก็ให้คิดตามอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด ส่วนผู้ป่วยที่มีสิทธิอยู่ในระบบประกันสังคมเครือข่ายประกันสังคม (ผู้ประกันตน) และเข้ารับการรักษาใน รพ.เครือข่ายประกันสังคม ก็ยังคงคิดค่ารักษาพยาบาลในอัตรา 15,000 บาทต่อ RW
          จะมีการเสนอเข้าคณะกรรมการการแพทย์ในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้น จะเสนอเข้าบอร์ดประกันสังคม ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ เพื่อพิจารณาต่อไป พร้อมกันนี้ จะมอบให้ สปส.เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าใจถึงระบบการรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินในระบบใหม่ว่ามีโรคใดบ้างที่เข้าข่าย เช่น โรคไส้ติ่งอักเสบ เส้นเลือดสมองแตก หัวใจวายเฉียบพลัน นพ.สุรเดชกล่าว
          เขาบอกอีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคณะกรรมการประกันสังคมจะประชุมในวันที่ 3 เม.ย. ซึ่งหลังจากนโยบายเริ่มบังคับใช้ไปแล้วในวันที่ 1 เม.ย. แต่จะมีการตั้งงบประมาณย้อนหลัง เพื่อรับระบบใหม่ในช่วง 6 เดือนแรก (เม.ย.-ก.ย. 2555) คาดว่าจะใช้งบเพิ่มขึ้นอีก 120 ล้านบาท นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการร่วมกันพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลโรคร้ายให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยตั้งเป้าจะนำร่องโรคไต และเอดส์ ด้วยเช่นกัน
         "เริ่มใช้ระบบรักษาพยาบาลฉุกเฉินพร้อมกัน 1 เม.ย.นี้"

 pageview  1204505    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved