Follow us      
  
  

กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 24/06/2556 ]
ภัยร้าย...ไวรัชเอชพีวีใกล้ตัว

ไม่ได้ตั้งใจให้ตระหนัก เพียงแต่เป็นคำเตือนเพื่อความตระหนัก เนื่องจากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่า เชื้อไวรัสเอชพีวีสามารถติดต่อโดยการสัมผัส
          แล้วไวรัสเอชพีวีคืออะไร สำหรับคนที่ยังอาจไม่คุ้นหู เชื้อเอชพีวี เป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านการสัมผัส ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อไวรัส ผ่านเข้าทางเยื่อบุอวัยวะเพศหรือปากมดลูกเมื่อมีแผลหรือรอยถลอก เชื้อเอชพีวีมีกว่า 100 สายพันธุ์ แต่ชนิดที่จะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมี 15 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก ที่เหลืออีกร้อยละ 30 เกิดจากไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์อื่น  เชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็งจะทำให้เซลล์บริเวณปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นรอยโรคก่อนมะเร็ง และถ้ารอยโรคก่อนมะเร็งนี้ ไม่ได้รับการวินิจฉัย และรักษาที่ถูกต้องก็จะกลายเป็นมะเร็งในที่สุด ดังนั้น สตรีที่มี เพศสัมพันธ์แล้วควรได้รับการตรวจคัดกรองหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นวินิจฉัย และการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก
          อย่างไรก็ตามการค้นพบว่าเชื้อเอชพีวีสามารถติดต่อโดยการสัมผัส เบื้องต้นต้อง พิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าสามารถตรวจพบเชื้อไวรัสเอชพีวีที่แพร่จากผู้ติดเชื้อมาสู่สิ่งแวดล้อม รอบตัวเราได้หรือไม่
          เช่น จากวัตถุสิ่งของที่เราต้องสัมผัสจับต้องกันบ่อยๆ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมมือกับหน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ลงสนามเก็บตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก หูดหงอนไก่ มะเร็งองคชาต และมะเร็งทวารหนัก
          ศาสตราจารย์ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าหน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า "ได้ทำการเก็บ 100 ตัวอย่างจากสิ่งแวดล้อม โดยใช้สำลีปราศจากเชื้อชุบน้ำยาตรวจหาไวรัสเอชพีวี เช็ดถูบริเวณต่างๆ อาทิ บริเวณราวบันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟท์ ลูกบิดประตูห้องน้ำ ก๊อกน้ำที่อ่างล้างมือ ก้านกดชักโครก ที่รองนั่งโถส้วม เพื่อตรวจจับเชื้อไวรัสเอชพีวี ภายใน ห้างสรรพสินค้า โรงเรียนกวดวิชา สนามเด็กเล่น โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน สถานบันเทิง (ผับ) รถไฟฟ้า และรถประจำทาง
          จากการสำรวจพบเชื้อไวรัสเอชพีวี ได้ถึง 4 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ที่ด้ามกด ชักโครกในห้องน้ำหญิง ในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งจากจำนวน 3 แห่งที่จัดเก็บตัวอย่าง ก๊อกน้ำล้างมือที่ติดกับอ่างล้างมือในห้องน้ำชาย ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งจากจำนวน 4 แห่งที่จัดเก็บ ที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำหญิงจากสถานบันเทิง (ผับ) แห่งที่ 1 และที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำชายจากสถานบันเทิง (ผับ) แห่งที่ 2 จากจำนวน 3 แห่งที่จัดเก็บ" ด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า "จากการสำรวจพบว่า สถานที่ที่สามารถตรวจพบเชื้อไวรัสเอชพีวี มักเป็นที่เย็น ชื้น และไม่มีแสงแดด (UV) ส่องเข้าถึง ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มคนที่เข้าไปในสถานบันเทิงที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เป็นกลุ่มที่มีการติดต่อ และแพร่เชื้อไวรัสเอชพีวีสูงสุด โดยตรวจพบกลุ่มของไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่ก่อโรค คือสายพันธุ์ (type) 6, 11, 16, 18 และอื่นๆ" "การสำรวจครั้งนี้ไม่ได้ต้องการให้ทุกคน ตระหนกตกใจว่า เข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วจะติดเชื้อไวรัสเอชพีวี แต่เป็นสัญญาณเตือนภัยใกล้ตัวให้เกิดการป้องกันเบื้องต้นได้แก่ การล้างมือให้สะอาดก่อน และหลังเข้าห้องน้ำ ทุกครั้ง เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคที่อาจจะติดมาโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้สามารถป้องกันมะเร็ง ปากมดลูก โดยลดพฤติกรรมเสี่ยง ตรวจ คัดกรองเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่ปากมดลูก (เพื่อให้การรักษาก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง ปากมดลูก) หรือฉีดวัคซีนป้องกันร่วมด้วย ปัจจุบันมีวัคซีนเอชพีวี แนะนำให้ฉีดในเด็ก ผู้หญิงก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ช่วงอายุ 11-12 ปี จำนวน 3 เข็ม เมื่อฉีดครบ 3 เข็ม คาดการณ์ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี ได้อย่างน้อย 30 ปี โดยไม่ต้องฉีดกระตุ้น และ ในบางประเทศมีการฉีดวัคซีนให้ในเด็ก ผู้ชายด้วย"
          ในฐานะคุณแม่ลูกสาม ปัทมน (อดิเรกสาร) สุริยะ กล่าวว่า "ครอบครัวของบัวให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนนี้บัว มีลูกสาว 3 คน คนโตเป็นฝาแฝดอายุ 5 ขวบ คนเล็กอายุ 3 ขวบ ยิ่งต้องให้ความสำคัญ ทั้งลูกและตัวเองมากขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ลูก ต้องฉีดวัคซีนก็ต้องรีบไปฉีดให้ครบตามกำหนด อย่างตัวเองหลังคลอดลูกมาก็ต้องไป ตรวจภายในตามหมอนัดเป็นประจำไม่เคยขาด และยิ่งมารู้ว่าพบเชื้อไวรัสเอชพีวีในห้องน้ำสาธารณะแบบนี้ เรายิ่งเป็นห่วงมากขึ้น แต่บัว จะสอนลูกเสมอว่าเข้าห้องน้ำทุกครั้งต้องล้างมือ ให้สะอาด ซึ่งตอนนี้เขาก็ติดนิสัยล้างมือไปแล้ว และคิดว่าเมื่อลูกอายุถึงเกณฑ์คงต้องพาลูกๆ ไปฉีดวัคซีนเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน"
          สำหรับมะเร็งปากมดลูก ปัจจุบันยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย แต่ละปีมีหญิงไทย ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ 6,500- 7,000 คน ร้อยละ 40-50 จะเสียชีวิต ค่าใช้จ่าย ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก ประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบันสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี
          ดังนั้นการป้องกันและตรวจคัดกรองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องตัวเองให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้
          จากการสารวจพบ เชื้อไวรัสเอชพีวี ได้ถึง 4 ตัวอย่าง  หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ที่ด้ามกดชักโครก ในห้องน้าหญิง

 pageview  1205521    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved