Follow us      
  
  

กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 18/03/2556 ]
'วัตถุนิยม'เหตุแห่งการจมทุกข์

  ด้าน แต่เดิมประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม สังคมมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย และมีชีวิตชุมชนใกล้ชิดกัน สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนบ้านในชุมชนต่างพึ่งพาอาศัยดูแลกันทั้งทางกายและทางใจ โดยมีความพอเพียง เป็นที่ตั้ง แต่เมื่อเมืองไทยเปลี่ยนรูปโฉมตนเองเป็นประเทศอุตสาหกรรม จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างครอบครัวไปเป็นลักษณะครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวหย่าร้าง มากขึ้น ทั้งนี้ครอบครัวเป็นหน่วยพื้นฐาน ของสังคม และเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพจิตที่แข็งแรง หรืออ่อนแอlife Smart
          ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทั้งการชี้นำของระบบเศรษฐกิจเสรีทุนนิยม การเมืองที่ มุ่งเน้นการเอาชนะ และสังคมที่ให้ความสำคัญกับวัตถุ จนเกิดความเชื่อผิดเพี้ยนว่า ความสุข คือการได้ครอบครองเป็นเจ้าของในสิ่งต่างๆ หลายคนจึงใช้เวลาไปทำงานหาเงินเพื่อใช้ซื้อสิ่งที่คิดกันว่าเป็นความสุข เมื่อจิตใจไม่สามารถต้านทานความรุนแรงแห่งการแข่งขันได้ ก็เกิดความเครียด วิตกกังวล และอาจรุนแรงถึงขั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้าล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่าโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่ กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งคาดว่ามีประชาชนชาวไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรค ซึมเศร้าสูงถึง 1.5 ล้านคน โดย พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึง 2 เท่า และเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังการเปิดเผยข้อมูล ได้เกิดเหตุสลดใจขึ้น เมื่อมีผู้พิพากษารายหนึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงถึงขั้น ฆ่าตัวตาย โดยผู้ที่อยู่รอบข้างไม่รู้ถึงอาการป่วย ตามที่ตกเป็นข่าวในสื่อต่างๆ นับเป็นการตอกย้ำว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยกำลังประสบภาวะสุขภาพจิตอ่อนแอ ขาดความสามารถในการรับมือกับปัญหาและแรงกดดัน
          นายแพทย์ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต กล่าวว่าคนไทย กำลังประสบกับภาวะความเครียดรุนแรงขึ้น อันมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ
"ปัจจุบันคนส่วนใหญ่กำลังหลงไปกับกระแสวัตถุนิยม เข้าใจผิดว่าการมีข้าวของเงินทองเทียบเท่าหรือมากกว่าคนอื่นคือความสุข จึงใช้ชีวิตอยู่ในวังวนของการแข่งขันตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวัยทำงาน เกิดความเครียด ความกดดัน และความวิตกกังวลสะสม พ่อแม่คร่ำเคร่งทำงานหาเงินจนเหนื่อยล้า ไม่มีเวลาเหลือสำหรับการพูดคุยทำความเข้าใจและทำกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกับลูก ทำให้ความสัมพันธ์อ่อนแอประกอบกับการเป็นครอบครัวเดี่ยวในยุคปัจจุบันที่ต่างคนต่างอยู่อาศัย เมื่อประสบปัญหาจึงขาดที่พึ่งทั้งทางกายและทางใจ พื้นฐานความแข็งแรงทางสุขภาพจิตที่ลดลง ส่งผลให้ความสามารถในการรับมือกับความกดดันในชีวิตลดลงเช่นกัน จากความเครียดและวิตกกังวล จึงพัฒนาสู่การเป็นโรคซึมเศร้าซึ่งก่อให้เกิดความเจ็บป่วยทั้งทางกายและทางจิตใจ" นพ.ไกรสิทธิ์ กล่าว ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสามารถแสดงอาการทางกายได้ทุกระบบ อาทิ ปวดหัว นอนไม่หลับ หายใจติดขัด เบื่ออาหาร ความดันโลหิตสูง ท้องผูก ท้องเสีย ฯลฯ ในขณะที่อาการทางจิตใจ ประกอบด้วยการขาดสมาธิ กระวนกระวาย หลงลืม ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ประสิทธิภาพใน การเรียนและการทำงานลดลง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษา อย่างทันท่วงที อาการป่วยทางด้านจิตใจจะ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นไม่สามารถรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ได้ ขาดกำลังใจ รู้สึกท้อแท้ รู้สึกว่าตนเองเป็นคนไร้ค่า และเป็นภาระของผู้อื่น ซึ่งภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากอาการซึมเศร้า ที่เกิดขึ้นก็คือ การมีความคิดฆ่าตัวตาย และในหลายๆ รายรุนแรงถึงขั้นลงมือกระทำการฆ่าตัวตายในที่สุด
          นายแพทย์ไกรสิทธิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อมีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบ อีก 2 ด้าน คือผลกระทบต่อครอบครัว และสังคม ในแง่ครอบครัวอาจหมายถึงการเสียเสาหลักของครอบครัวไป ในแง่สังคมหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า อย่างเช่นกรณีผู้พิพากษาที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า รุนแรงถึงขั้นปลิดชีวิตตัวเอง นอกจากนี้ ในบางรายยังอาจมีผลที่ติดตามมา คือผู้ที่ยัง มีชีวิตอยู่ไม่สามารถปรับตัวได้โดยต้องแบกรับภาระครอบครัวแทนผู้ที่เสียชีวิต คนที่ยังอยู่บางครั้งยังทำใจไม่ได้ ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และอาจฆ่าตัวตายตามไปก็เป็นได้
          "ทุกคนในครอบครัวควรใส่ใจดูแลซึ่งกัน และกัน หากพบเห็นความผิดปกติทั้งของตนเองและสมาชิกในครอบครัว เช่น พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากอุปนิสัยเดิม ก็ควรมีการพูดคุยกันเพื่อสอบถามถึงปัญหา เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระทางจิตใจ และสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่ประสบปัญหา แต่หากมีอาการรุนแรงเช่น แสดงความรู้สึกว่าโลกไม่น่าอยู่ อนาคตมืดมน รู้สึกท้อแท้มีความคิดอยากตาย ควรพา เข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการพูดคุยกันอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง ควรให้อยู่ในความดูแลของแพทย์ซึ่งมีสภาพแวดล้อมปลอดภัยกว่า และบุคลากรที่มีความพร้อมในการดูแลมากกว่า" นพ. ไกรสิทธิ์ สรุป
          เป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์ทุกคนคือ "ความสุข" แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หลงเข้าใจว่า ความสุขคือการได้มี หรือได้มา ซึ่งสิ่งนั้นสิ่งนี้ ซึ่งเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน นอกจากนี้การดิ้นรนขวนขวายแก่งแย่งให้ได้มาครอบครองบ่อยครั้งที่กลับกลายเป็นการสร้างความทุกข์ให้แก่ตนเอง และคนรอบข้างอย่างแสนสาหัส
          ดังนั้นวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดคือ การ เริ่มต้นสร้างความสุขจากในครอบครัวด้วยการให้เวลากัน ให้ความสนใจ เอาใจใส่กัน มีกิจกรรมร่วมกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งความสุขทั้งหมดนี้ไม่ต้องใช้เงินซื้อ จึงไม่ต้องขวนขวายหาเงินจนเกินกำลัง เมื่อนั้น ความกดดันย่อมไม่เกิดขึ้น ซึ่งการดำเนินชีวิต ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาท- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นแนวทางที่นำมาซึ่งความสุขที่แท้จริงของชีวิต โดยมีครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้น

 pageview  1205565    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved