หลังจากสมุทรสาครเป็นจังหวัดนำร่องในการเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มที่มีความเสี่ยง บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติแนวหน้าในการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์
          สิ่งที่ต้องติดตามต่อจากนี้คือ อาการของกลุ่มนำร่องที่เข้ารับการฉีดวัคซีนซึ่งหลายคนยังมีความเป็นห่วงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หรืออาการแพ้วัคซีน
          "ธีรพัฒน์ คัชมาตย์" รองผู้ว่าฯสมุทรสาคร หนึ่งในผู้รับวัคซีนระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ และทราบว่าผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในวันเดียวกันก็อาการปกติดี ได้ยืนยันได้ว่าวัคซีนโควิด-19 ปลอดภัยต่อประชาชนคนไทยตามที่กระทรวงสาธารณสุขระบุไว้
          เช่นเดียวกับ "อุดม ไกรวัตนุสสรณ์" นายก อบจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า ในฐานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มนำร่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน มาวันนี้ร่างกายยังปกติดีและไม่มีอาการแทรกซ้อนหรืออาการข้างเคียงแต่อย่างใด อยากให้ชาวจังหวัดสมุทรสาครมั่นใจว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นผลดีกับตัวเองและจังหวัดสมุทรสาคร
          ขณะที่ "ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม" ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงการฉีดวัคซีนภายในจังหวัดว่า จังหวัดปทุมธานีได้วัคซีนล็อตแรก 8,000 โดส สามารถฉีดได้ 4,000 คน แบ่งเป็น บุคลากรทางการแพทย์ 1,500 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่จะต้องสัมผัสกับผู้มีความเสี่ยง และกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ส่วนอีกกลุ่มถัดไปจะเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วย เรื้อรัง และกลุ่มของพี่น้องประชาชนที่ค้าขายในพื้นที่เสี่ยงต่อโรคในตลาดสุชาติและตลาดพรพัฒน์
          ขั้นตอนการเตรียมตัวฉีดวัคซีนโควิด-19 แพทย์แนะนำให้แต่งกายเลือกซื้อผ้าที่เหมาะสม ในวันฉีดจะวัดความดัน ชีพจร การเต้นหัวใจ และซักประวัติ แพ้ยาชนิดใด หรือเคยมีการเข้าออกจากโรงพยาบาลในช่วงนี้หรือไม่ เมื่อได้รับการฉีดวัคซีนแล้วแพทย์จะให้นั่งพัก 30 นาที หากไม่มีอาการข้างเคียง สามารถทำงานได้ปกติ ในวันที่ได้รับวัคซีนก็ได้ไปลงพื้นที่พบปะประชาชน เยี่ยมชาวบ้าน ทำงานได้ทั้งวันตามปกติ หลังจากนี้จะรับวัคซีนเข็มที่ 2 ในวันที่ 22 มีนาคม
          ผู้ว่าฯปทุมธานีให้กำลังใจกับผู้กำลังจะได้รับการฉีดวัคซีนว่า อย่าวิตกกังวล เพราะจากการพูดคุยกับคนที่มาฉีดมีบางคนที่อายุมากกว่าตน ตอนนี้ 59 ปี ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรด่านหน้า ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ไม่มีใครมีอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียง ภาพรวมไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล มั่นในว่าวัคซีนที่ทางรัฐบาลจัดให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
          "ในวันนั้นผมได้รับวัคซีน ผมลงพื้นที่ทำงานทันที ไปตรวจหมู่บ้านที่ชาวบ้านจะตั้งสหกรณ์ ทำที่อยู่อาศัย เดินตั้งแต่ 10.00-12.00 น. ตากแดด ไม่มีอาการอะไรทั้งสิ้น บ่ายสามมาประชุมเรื่องคณะกรรมการโรคติดต่อ เริ่มงานตั้งแต่เก้าโมงยันห้าโมงเย็น ไม่มีอาการที่ทำให้รู้ว่าเราต้องพัก ยิ่งทำให้มั่นใจว่าขนาดผมอายุมากขนาดนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นกังวล ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับ พี่น้องประชาชน"
          "ชลลดา เครือวัลย์" ผู้ช่วยผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน กล่าวว่า ก่อนสมัครใจไปฉีดวัคซีนได้ศึกษาหาข้อมูลในเรื่องวัคซีนพบว่า วัคซีนจากซิโนแวคมีการทดลองทดสอบกับคนในเอเชีย เพราะร่างกายของคนตะวันตกและคนตะวันออกแตกต่างกัน อ่านรายงานการผลิตวัคซีนแต่ละตัวของบริษัทต่างๆ พบว่าของซิโนแวคเป็นเชื้อตาย มั่นใจก่อนจะตัดสินใจไปฉีด
          "ที่นี้หลังฉีดแล้วก็รอดูอาการหรือผลข้างเคียงที่คาดว่าจะมี ก็พบว่ากล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกฉีดวัคซีนมีความหน่วงตามที่พยาบาลแจ้ง แต่ไม่เจ็บปวด เรียกว่าปกติดี และในช่วง 2-3 วันผ่านมาก็ไม่มีอาการแพ้อะไรทั้งสิ้น มีความรู้สึกเหมือนตอนฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ รู้สึกโอเค สบายดี ถือว่าผลเป็นบวกสำหรับตนเอง"
          หากจะพูดในฐานะคนที่ฉีดเข็มแรกแล้ว ต้องบอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องอยู่กับโรคโควิด-19 เพราะโรคนี้ไม่หายไป แต่จะกลายเป็นโรคชนิดหนึ่งทั่วไป ซึ่งต้องฉีดวัคซีนป้องกันไว้ อนาคตต้องฉีดไม่ว่าจะเป็นซิโนแวคหรือไฟเซอร์ และในจำนวนคนกว่า 100 ล้านคน ทั่วโลกก็มีผลกระทบข้างเคียงไม่ถึง 1%
          "ล่าสุดไปค้นดูข้อมูลที่ออกโดยองค์การอนามัยโลก พบว่าทั่วโลกที่มีการฉีดวัคซีนแล้ว วัคซีนจากซิโนแวคไม่มีผลกระทบเลยแม้แต่คนเดียว ยิ่งทำให้มั่นใจและ ไม่กลัว เรียกว่าไม่ฉีดวันนี้ วันหน้าก็ต้องฉีดอยู่ดี ตอนที่เกิดการระบาดระลอกที่ 2 เคยคิดนะว่า หากจะติดโควิด-19 ก็มั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมแพทย์ที่เก่งของเรา สุดท้ายเลยคือ เป็นคนจิตไม่ตก และมั่นใจว่าร่างกายแข็งแรงระดับหนึ่ง จึงกล้าฉีดวัคซีน พอเจอกับตัวเองก็เลยพูดได้เลยว่ามั่นใจมาก" คุณชลลดากล่าวอย่างมั่นใจ