นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์เปิดเผยว่า เด็กและผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 20 - 40 ปี เป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดที่จะเกิดปัญหาทางตาจากมลภาวะทางอากาศ ซึ่งฝุ่น PM 2.5 อาจส่งผลให้ดวงตาระคายเคืองแต่มักเป็นระยะสั้นๆ ไม่เกิดอันตรายร้ายแรงกับดวงตายกเว้นเด็กที่มีความผิดปกติกับดวงตา เช่น มีประวัติเป็นภูมิแพ้ ภูมิแพ้ขึ้นตา อาจเคืองตาหรือตาแดงมากกว่าปกติ โดยจะระคายเคืองเล็กน้อยถึงมาก ไม่สบายตาเรื้อรัง
เช่น เคืองตา คันตา เหมือนมีอะไรอยู่ในตา ตาแห้ง เด็กอาจขยี้ตาบ่อยๆ ตาแดงเป็นๆ หายๆ หรือรุนแรงถึงขั้นเยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาอักเสบ และกระจกตาถูกทำลายในระยะยาว ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่เกิดจากสัมผัสฝุ่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน
พญ.สุมาลิน ตรัยไชยาพร หน. กลุ่มงานจักษุวิทยาสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า หากพบเด็กแสบตา-เคืองตามาก โดยสันนิษฐานว่ามาจากฝุ่นละอองหรือฝุ่นควันต่างๆ ควรปฏิบัติดังนี้ 1.ใช้น้ำสะอาดล้างตาอาจเป็นน้ำต้มสุกเย็นแล้วหรือน้ำเกลือล้างแผล2.ถ้ามีน้ำตาเทียมสำหรับหยอดตาใช้ล้างดวงตาได้ 3.ให้เด็กกะพริบตาถี่ๆ เพื่อให้ฝุ่นหลุดออกมาเร็วขึ้น หลีกเลี่ยงขยี้ตา
สำหรับการป้องกัน เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่ยากต่อการป้องกันการสัมผัสฝุ่นมลภาวะ จึงควรหลีกเลี่ยงเด็กจากการอยู่ในบริเวณฝุ่นควันหนาแน่นหากเด็กมีอาการเช่นตาแดงมาก ขี้ตาสีเขียวหรือเหลืองแสดงว่าติดเชื้อ เจ็บหรือปวดตารุนแรง ตามัวลง เห็นภาพไม่ชัด-ซ้อน เห็นแสงกระจายเป็นรัศมีรอบๆ มีเลือดออกในตา ควรรีบพบจักษุแพทย์ |